Site icon Investwallet

SEO (search engine optimization) คืออะไร ? พร้อมสรุปมาตรการทำ SEO ที่ควรรู้

SEO (search engine optimization) คืออะไร ? พร้อมสรุปมาตรการทำ SEO ที่ควรรู้

เบื่อไหม? กับการนั่งค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO จะหาต่อก็ไม่รู้จะเริ่มจากไหน? เราเข้าใจถึงปัญหานี้จึงหาทางออกดี ๆ มาให้ค่ะ

SEO คืออะไร?

คำว่า “SEO” ที่ได้ยินกันทุกวันนี้ เป็นคำย่อนะคะ โดยคำเต็มก็คือ Search Engine Optimization เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์หรือบล็อกเพื่อให้มี Ranking สูง ๆ และถูกค้นหาเจอได้ง่ายเวลามีคนค้นหาผ่าน Search Engine

วัตถุประสงค์หลักของการทำ SEO

ปัจจุบันประเทศไทยเรา ผู้คนส่วนใหญ่จะใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ชั่วโมง 38 นาทีต่อวัน

“ประเทศไทย” เป็นประเทศที่ใช้เวลาต่อวันอยู่กับอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลก (รวมทุกอุปกรณ์) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ชั่วโมง 38 นาทีต่อวัน
ข้อมูลจาก : Brand Buffet

แถมยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต โดยผู้คนก็จะค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน Search Engine ด้วยกันทั้งนั้น

ทั้งบริษัทหรือนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือแม้แต่การทำเว็บไซต์ของตนเอง จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองปรากฏขึ้นมาในหน้าแรกของการค้นหาเพื่อรายได้และผลตอบแทนที่ดี พวกเขาเหล่านั้นจึงต้องเรียนรู้วิธีทำ SEO

การทำ SEO ที่ได้ผลไม่ได้ทำแค่ให้เว็บไซต์หรือบล็อกแสดงผลในหน้าแรกเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้เว็บไซต์แสดงผลเป็นรายการแรก อีกด้วย

ลองคิดตามเล่น ๆ นะคะว่า ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์มาก แต่ปรากฏในผลการค้นหาอยู่ที่หน้าที่ 10 หรือหน้าที่ 20 ลองคิดต่อสิคะว่าจะมีสักกี่คนที่จะคลิกเลื่อนไปทีละหน้าจนกว่าจะเจอเว็บไซต์ของคุณ และในความเป็นจริงที่เราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า คนส่วนใหญ่จะมองและค้นหาแค่หน้าแรกหรือหน้าที่สองเท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงต้องทำ SEO ให้กับเว็บไซต์หรือบล็อกของเราค่ะ

ข้อดีของการทำ SEO

เจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกไม่ว่าจะทำออกมามนรูปแบบส่วนตัวหรือรูปแบบบริษัท ต่างก็ต้องทำ SEO ทั้งนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าการทำ การทำ SEO มีข้อดีอะไรบ้าง

  1. ช่วยเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ เพิ่มโอกาสในการขาย เพิ่มโอกาสในทางธุรกิจ หรือเพิ่มโอกาสให้คนรู้จักเว็บไซต์หรือบล็อกของเรามากยิ่งขึ้น
  2. มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการโฆษณาในรูปแบบอื่น ๆ
  3. ช่วยให้คุณได้ลูกค้าตรงตามกลุ่มเป้าหมาย หากคุณขายสินค้าลูกค้าที่เข้ามาก็มีความพร้อมสูงที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้น
  4. เพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือลูกค้าของคุณได้ง่ายขึ้น

ข้อเสียของ SEO

เราทุกคนต่างรู้กันดีว่า การทำ SEO ให้เว็บไซต์นั้นมีผลดีหลายอย่าง แต่ SEO ก็มีข้อเสียเหมือนกันค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าข้อเสียมีอะไรบ้าง

  1. การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้เห็นผลในทันที แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการทำ ซึ่งระยะเวลาแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 3- 6 เดือน ดังนั้นเราต้องอดทนและตั้งใจ
  2. ใช้เวลาในการทำ CONTENT ค่อนข้างนาน เพราะต้องวิเคราะห์ keyword ที่มีการแข่งขันรวมถึงหาข้อมูลและรวบรวมเนื้อหา
  3. ไม่มีรับประกันผล ว่าทำแล้วจะติดอันดับหรือติดหน้าแรกของการค้นหา
  4. ไม่มีรับประกันเรื่องเวลาที่แน่นอนในการติดอันดับ เพราะหลายครั้งก็ติดปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดตเครื่องมือค้นหา หรือการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึ่ม

สถิติการใช้งาน Search Engine ยอดนิยมสำหรับ PC และมือถือในเมืองไทย


Sorce : https://statcounter.com/

โดยจากรูปภาพ เราจะเห็นว่า การใช้งาน SERCH ENGINE ในเมืองไทยทั้งคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะเป็นของ Google รองลงมาก็เป็นของ BING และอื่น ๆ ตามลำดับ

โดยจากข้อมูลนี้ทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมการใช้งาน SERCH ENGINE ของ Google ด้วยซึ่งเราจะมองภาพออกว่า หากเราทำ SEO ให้ถูกใจ Google จะมีคนจำนวนมากค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอและผลตอบแทนก็จะมากขึ้นตามลำดับของคนใช้งานค่ะ

ปัจจัยสำคัญของการทำ SEO

การทำ SEO มีปัจจัยหลัก ๆ ด้วยกัน 2 ปัจจัย นั่นก็คือ On-Page Seo และ Off-Page Seo

On-Page SEO คือ

การที่เราใช้ทุกอย่างที่เราสามารถควบคุมได้ในเว็บไซต์ของเรามาช่วยในการดันอันดับเพื่อให้ขึ้นมาปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยสิ่งที่ควบคุมได้ หมายถึง การเขียน CONTENT รวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ ของบทความให้ดี ไม่ว่าจะเป็น Title tag (H1-H6), Meta description, Keyword, รวมไปถึงลิงก์ภายในอื่น ๆ

Off-Page Seo คือ

การที่เราอาศัยปัจจัยภายนอกเพื่อดันอันดับให้เว็บไซต์ ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปแบบของการสร้างแบ็กลิงก์ หรือลิงก์ที่ใช้เชื่อมโยงกลับมาหาเว็บของเรา

โดย การทำ Off-Page Seo ถือว่าเป็นเรื่องยากและต้องอาศัยเวลามากกว่าการทำ On-Page Seo เพราะเป็นการพยายามจัดการกับปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่เราไม่สามารถควบคุมหรือจัดการได้ทั้งหมด แต่จะละเลยไม่ทำ Off-Page Seo เลยก็ไม่ได้เนื่องจากมีผลต่อการทำ SEO ให้บรรลุวัตถุประสงค์พอสมควร เลยทีเดียวค่ะ

เข้าใจความคิดของ Google

การจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น หากเราไม่เข้าใจความคิดของ Google ก็เหมือนว่า เราทำSEO ได้ไม่สมบูรณ์

ซึ่งเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนการที่เราอยากเอาใจคนรัก เช่น รู้ว่าคนรักเราชอบอะไร เราก็จะทำสิ่งนั้น เขาไม่ชอบอะไร เราก็จะหลีกเลี่ยง ซึ่ง Google ก็ใช้วิธีการเดียวกันค่ะ หากเราอยากทำเนื้อหาให้ถูกใจ Google เราก็ต้องเรียนรู้ความคิดของ Google ด้วย

ซึ่ง เกณฑ์ในการประเมินที่ Google ให้ความสำคัญมากที่สุดมีด้วยกัน 3 อย่าง โดยเรียกง่าย ๆ ว่าหลัก ( E.A.T ) คือ

  1. E = Expertise คือ ความเชี่ยวชาญ ความรู้ความชำนาญต่าง ๆ ยิ่งเนื้อหาในบทความที่คุณเขียนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ซึ่งประมาณว่าเมื่อเขาอ่านบทความของคุณแล้ว เขาจะได้รับคำตอบหรือหนทางออกที่เขาค้นหามานาน และหากเนื้อหาของคุณสามารถใช้งานได้จริงและใช้งานได้ดี Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณมีประโยชน์และมีคุณค่า (บางครั้งการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวก็ถือว่าเป็นความเชี่ยวชาญอย่างหนึ่ง)
  2. A = Authoritativeness คือ ผู้เขียนเป็นศูนย์กลางของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง, เป็นที่นิยม, มีชื่อเสียง
  3. T = Trustworthiness คือ ความน่าเชื่อถือ เช่น คุณเป็นแพทย์แล้วทำเว็บที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือการรักษาโรค เป็นต้น

หลักการ 10 ข้อของ Google ที่คนทำเว็บควรรู้

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง ข้อคิดวลีเด็ดของ “ซุนวู” นักปราชญ์ชาวจีน ซึ่งวลีนี้เหมาะกับหัวข้อนี้มาก ๆ ค่ะ เพราะเราจะมาเรียนรู้หลักการของ Google ที่จะทำให้เราทำเว็บไซต์ออกมาตามที่ Google ชอบได้เพื่อไว้ใช้เป็นแนวทางในการทำงาน และสร้างสรรค์ผลงานที่ดี ๆ ออกมาสู่ชาวโลก นั่นคือ

  1. ยึดผู้ใช้เป็นหลักแล้วสิ่งอื่น ๆ จะตามมา
  2. ทำอะไรให้ดีจริง ๆ แค่อย่างเดียวนั่นแหละดีที่สุด
  3. เร็วย่อมดีกว่าช้า
  4. ประชาธิปไตยบนเว็บนั้นได้ผล
  5. คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อค้นหาคำตอบ
  6. คุณหาเงินได้โดยไม่ต้องทำสิ่งไม่ดี
  7. ข้อมูลใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ
  8. ความต้องการข้อมูลข้ามผ่านทุกเขตแดน
  9. คุณสามารถจริงจังได้โดยไม่ต้องใส่สูท
  10. ดีมากถือว่ายังไม่ดีพอ

โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ หลักการ 10 ข้อที่เรารู้ว่าเป็นจริง

เครื่องมือสำคัญสำหรับการทำ SEO

การทำ SEO จะมีเครื่องมือตัวช่วยหลายอย่างที่จะช่วยติดปีกให้ SEO ในเว็บไซต์ของเราซึ่งจะมีทั้งแบบใช้งานฟรีและเสียเงิน แต่เครื่องมือหนึ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ นั่นก็คือ Google Search Console ค่ะ

Google Search Console คือเครื่องมือสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ ที่จะช่วยให้ผู้ดูแลเว็บสามารถตรวจสอบและรักษาให้เว็บไซต์ของตนให้แสดงผลในหน้าแรกของการค้นหา

นอกจากนี้ ยังใช้ในการตรวจสอบและตรวจเช็คปัญหา ข้อผิดพลาดรวมถึงสามารถเช็คดูได้ว่าคนที่เข้ามาในเว็บไซต์เรา เขาเข้ามาด้วย Keyword อะไร เพื่อที่เราจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำเนื้อหาที่ดีต่อไป

3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ SEO

ก่อนที่จะเริ่มทำ SEO เราควรเข้าใจถึงปัจจัยพื้นฐานก่อนว่ามีอะไร และต้องทำอะไรบ้าง เพราะหากเราเริ่มต้นได้ดี หนทางต่อไปก็จะง่ายขึ้นค่ะ โดยปัจจัยที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ SEO ได้แก่

  1. ทำการวิเคราะห์และเลือก Keyword ที่ถูกต้อง
  2. ตรวจสอบปริมาณการค้นหา Keyword ให้เป็น
  3. ทำความเข้าใจกับประเภทของการ saerch keyword ของผู้คนเพื่อดูความต้องการของลูกค้า โดยประเภทของการ saerch keyword สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ๆ ได้แก่…Do query Keyword , Know query Keyword , Go query Keyword

Do query Keyword

เป็น Keyword ประเภทที่ผู้เข้าชมมักจะใช้ ค้นหาในสิ่งที่ต้องการ โดย Keyword ประเภทนี้จะได้รับ Action จากผู้เข้าชมง่ายกว่าประเภทอื่น (เช่น การสั่งซื้อ,การดาวน์โหลด,การสมัครสมาชิก) โดย Keyword ที่เรียกว่า Do query จะเป็นแบบนี้ค่ะ

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอยากได้นาฬิการาคาถูก Keyword ที่เขาใช้ค้นหาก็คือ นาฬิกา ราคาถูกและคำว่า ราคาถูก ก็คือ Do query ค่ะ

Know query Keyword

เป็น Keyword ที่ผู้เข้าชมค้นหาเพราะเขาต้องการอยากรู้ ตั้งแต่ความรู้ , วิธีการ หรือข้อมูลสำหรับแก้ปัญหา ตั้งอย่างเช่น SEO คือ,สูตรอาหาร , กล้องถ่ายรูป ราคา ฯลฯ

Go query Keyword

เป็น Keyword ที่ผู้เข้าชมใช้เพื่อค้นหาแบรนด์หรือเว็บไซต์โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น google , yahoo , lazada , shopee ฯลฯ

SEO ขั้นพื้นฐาน 1 (สร้างเว็บไซต์เพื่อให้ Google ประเมินได้อย่างถูกต้อง)

การสร้างเว็บไซต์เพื่อให้ Google ชื่นชอบและสามารถประเมินได้อย่างถูกต้องเราควรให้ความสำคัญกับ

  1. คุณภาพและปริมาณเนื้อหา : เราควรจะสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับการค้นหาของผู้เข้าชม และที่สำคัญเนื้อหานั้นควรเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้จริงหรือแก้ปัญหาของผู้เข้าชมได้ ยิ่งถ้าเรามีประสบการณ์โดยตรงก็จะเป็นข้อมูลที่ดีมาก ยิ่งข้อมูลที่เรามีดีกว่าเว็บไซต์อื่น Google ก็ยิ่งถูกใจ
  2. ปรับชื่อหน้าให้เหมาะสม : ชื่อของเนื้อหา ควรกระชับ เข้าใจง่ายและดึงดูดผู้อ่าน
  3. ให้ความสำคัญของแท็ก H1 : H1 เป็นแท็กที่ใส่ได้แค่ 1 ครั้งต่อ 1 บทความเท่านั้น เป็นเหมือนหัวข้อใหญ่ที่จะบ่งบอกถึงเนื้อหารวมถึงรายละเอียดทั้งหมดในบทความ การจะเขียน H1 ควรใส่Keyword หลักที่เราต้องการลงไปในต้น ๆ ของหัวข้อและใช้คำที่ดึงดู กระชับและเข้าใจง่ายเข้าไว้ค่ะ
  4. อย่าละเลย Meta tag : Meta tag ถือว่ามีส่วนช่วยในการจัดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Search engines และมีแนวโน้มที่ว่าผู้เข้าชมจะสามารถคลิกเข้าเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น
  5. สร้างลิงก์ภายในอย่างแน่นหนา : ลิงก์ภายในจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเว็บของเรามีคุณภาพ เนื่องจากผู้เข้าชมสามารถคลิกลิงก์เพื่อค้นหาข้อมูลอื่น ๆ ที่เขาต้องการ ยิ่งผู้เข้าชมอยู่ในเว็บไซต์ของเรานานเท่าไร มันก็ส่งผลดีต่ออันดับมากยิ่งขึ้น
  6. ความสมดุลของ keywords : การใส่ keywords ที่ถูกหลัก SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏในหน้าการค้นหาในอันดับที่ดี แต่การใส่ keywords ไม่ควรตะบี้ตะบันใส่ จนไม่เป็นธรรมชาติเพราะ Google อาจมองว่าเว็บของเราเป็น spam ได้
  7. ตรวจสอบว่ามีการกระจายการประเมินผลเพจหรือไม่
  8. หมั่นทำการสำรวจลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอก (การลบลิงก์จากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ)
  9. หมั่นสำรวจความเร็วของเว็บไซต์ด้วย เพราะเว็บไซต์ที่มีความเร็วจะสามารถดึงผู้เข้าชมมากว่าเว็บที่โหลดช้า

เขียนบล็อกมานานแล้วแต่คนดูน้อยใช่ไหม ? ถึงแม้ว่าจะเพิ่มบทความไปมากเท่าไรก็ยังไม่ค่อยมีใครเข้าดู ต้องปรับแก้ตรงไหนให้ยอดวิวสูงขึ้นเรามีเคล็ดลับเด็ด ๆ มาบอกกัน

SEO ขั้นพื้นฐาน 2 (ทำไห้ PAGE INDEX อย่างถูกต้อง)

มาถึงขั้นที่ 2 ของการทำ SEO กันแล้ว เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่า INDEX ในที่นี้หมายถึงอะไรและเราต้องทำยังไงต่อไปอีกบ้าง

INDEX คือ

คำว่า INDEX ตามความหมายของการทำ SEO คือการที่เว็บเราได้รับการเก็บข้อมูลจาก Search Engines ในกรณีเว็บไซต์ใหม่หากยังไม่ได้รับการ INDEX จาก Google ก็จะยังไม่มีใครค้นหาเจอค่ะ

โดยการ INDEX สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเรียกบอทโดยการใช้ Google search console ,การซับมิทบุ๊คมาร์ค ไดเร็คทอรี่,การทำลิงก์ยิงเข้าไปหาเว็บของเรา ฯลฯ

ลบเนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำออกจากเพจ

เนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือเนื้อหาประเภทที่ซ้ำกับเว็บอื่น ๆ อาจจะเป็นการคัดลอกและวางหรือมีการแก้ไขน้อยกว่า 70% ซึ่งนอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำจริง ๆ แล้วมีรายละเอียดเยอะมากเดี๋ยวไว้เราจะค่อย ๆ มาอธิบายให้เพื่อน ๆ เข้าใจกันในโพสต์ต่อ ๆ ไปนะคะ

กำจัดหน้าดัชนีที่ซ้ำกันด้วยการทำให้ URL เป็นมาตรฐาน

URL บางที่จะมี www. ,ไม่มี www. หรือ http กับ https เราต้องพับคำสั่งทั้งหมดและกำหนดให้ว่า URL ตัวไหนเป็นตัวหลักค่ะ ซึ่งเมื่อเราตั้งคำสั่งแล้วไม่ว่าผู้เข้าชมจะ Search ผ่านตัวไหนก็จะเด้งเข้ามาที่ URL หลักของเราแบบนี้ Google จะได้เก็บดัชนีในที่เดียวและป้องกันการเกิดหน้าดัชนีซ้ำซ้อน

SEO ขั้นพื้นฐาน 3 (ทำให้ Crawler มาเว็บไซต์ได้ง่ายและเร็วขึ้น)

Crawlers หรือหลายคนจะเรียกว่า Spider bot มันคือ Bot ที่ทำหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ตาม URL ของเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อเก็บเป็น Index

โดยวิธีที่จะทำให้ Crawlers เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้นคือ เอา Sitemaps ของเราไป Submit ใน Google Search Console ค่ะ โดยวิธีก็คือ

  1. เข้าไปที่ Google Search Console
  2. มองหาเมนูทางด้านซ้ายมือ คลิกเลือก แผนผังเว็บไซต์
  3. ในส่วนของ ”เพิ่มแผนผังเว็บไซต์ใหม่” ให้เราเอาลิงก์ Sitemaps ของเว็บไซต์เรามาใส่ค่ะ

และสำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้จะหา Sitemaps ของเว็บไซต์มาได้ยังไง เรามีวิธีสอนแบบ STEP BY STEP เลยค่ะ โดยเริ่มจาก

  1. เข้าไปที่หน้าควบคุมของเว็บไซต์เรา จากนั้นมองหาเมนู ปลั๊กอิน ค่ะ
  2. จากนั้นมองหา ปลั๊กอินที่ชื่อว่า “Google XML Sitemaps” ถ้ายังไม่มีแนะนำไปโหลดมาติดตั้งค่ะ
  3. สำหรับคนที่ติดตั้งแล้ว ให้เอาเมาส์ไปชี้ตรงเมนู SETTING ทางด้านล่างซ้ายมือค่ะ แล้วคลิกที่ XML-Sitemap
  4. ตรงเมนู The URL to your sitemap index file is: จะเจอกับลิงก์ Sitemap ของเว็บไซต์เรา ก็อปลิงก์ตรงนี้ไป Submit ใน”เพิ่มแผนผังเว็บไซต์ใหม่” ของ Google Search Console ค่ะ

WordPress คืออะไร? อยากเป็นบล็อกเกอร์ทำไมต้องใช้ WordPresss เรารวบรวมทุกคำตอบที่ควรรู้ของ WordPress มาให้ครบจบในบทความเดียวค่ะ

สรุป : การทำ SEO เพิ่มโอกาสให้คนเห็นเว็บไซต์เรามากขึ้น

การทำ SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ถูกค้นเจอง่ายเวลามีคนค้นหาผ่าน Search Engines และเพิ่มโอกาสให้คนเห็นและคลิกเข้าชมเว็บไซต์เรามากขึ้น
หากใครที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำเว็บไซต์โดยที่ไม่ได้สนใจ SEO คุณคงต้องรีบเปลี่ยนแผนโดยเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตามหลังเว็บไซต์อื่น ๆ ทำ SEO ไปก่อนค่ะ

Exit mobile version