เคยสงสัยไหมว่าระหว่าง sub domain และ sub directory คืออะไร ,มีผลต่อ SEO ยังไง และเราควรเลือกใช้แบบไหนมากกว่ากัน เราจะมาไขคำตอบของเรื่องนี้กันค่ะ
Sub domain คืออะไร
Sub domain คือ เป็นการแบ่งเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมาอีกเว็บไซต์หนึ่งแยกจากโดเมนหลัก แต่สร้างชื่อให้อยู่ภายใต้โดเมนหลัก ซึ่งระบบการทำงานก็เหมือนโดเมนหลักทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น www.Board. investwallet.money โดยคำว่า “Board” ก็คือ Sub domain นั่นเองค่ะ
Sub directory คืออะไร
Sub directory คือ การสร้าง Folder ย่อยภายใต้โดเมนเดิม โดยอาจจะสร้างเป็นส่วนย่อยของโดเมน หรือ ส่วนย่อยของ Sub domain ก็ได้ ตัวอย่างเช่น https://investwallet.money/sample / โดย คำว่า sample ก็คือ Sub directory ค่ะ
Sub domain กับ Sub directory ต่างกันยังไง
Sub domain จะเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นใหม่โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อของโดเมนหลัก แต่ sub directory จะเป็นการสร้าง Folder ย่อยภายใต้โดเมนเดิม
แต่สำหรับ Search Engine จะมองว่า Sub domain นั้นเป็นคล้าย ๆ กับลูกข่ายหรือแฟรนไชส์เดียวกันกับโดเมนหลัก แต่มองว่า sub directory นั้นเป็นเว็บไซต์เดียวกันกับโดเมนหลักของเราแต่แยกย่อย ๆ ออกมาค่ะ
Sub domain มีผลอะไรกับ SEO
Sub domain นะคะเป็นเหมือนเว็บไซต์ใหม่ที่ถูกสร้างภายใต้ชื่อโดเมนเดิม ซึ่งใช้ได้ดีมากในกรณีที่เราต้องการทำอีกเว็บไซต์หนึ่งที่เนื้อหาแยกจากโดเมนหลัก เช่น โดเมนหลักของคุณทำเรื่องเกี่ยวกับอาหาร แต่คุณอยากทำอีกเว็บหนึ่งในเรื่องของการแต่งรถ แต่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในการเปิดโดเมนใหม่และไม่อยากเริ่มต้นทำ SEO ใหม่ทั้งหมดก็เลือกทำใน Sub domain แทนค่ะ
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์และยังไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ SEO ที่ถูกต้อง คงจะเคยอยากทำเนื้อหาที่หลากเลยเพื่อต้องการดึงดูดผู้เข้าชมให้มากที่สุด พวกเขาจึงทำเนื้อหาออกมาในหลาย ๆ รูปแบบและจัดแยกโดยการสร้าง Category ใหม่เท่านั้น วิธีนี้ทำให้ คะแนนรวมของ domain power เว็บไซต์ของพวกเขาลดลงค่ะ และพอคะแนน domain power ลดลงก็จะส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ด้วย
แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณต้องการเพิ่มเนื้อหาใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาหลัก และยังสามารถรักษาคะแนน domain power เอาไว้ได้ ก็คือการไปสร้างเนื้อหาใหม่นั้นใน Sub domain แล้วลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์หลัก โดยวิธีนี้จะส่งผลดีต่อเว็บใหม่ที่สร้างขึ้นและส่งผลดีการทำ SEO ค่ะ
จากตัวอย่างเรื่องของมือใหม่ที่สร้างเว็บโดยการทำหลาย ๆ เนื้อหาที่เรายกตัวอย่างไปนั้น คุณอาจจะสงสัยว่า
คุณเคยเห็นอาจารย์หรือโค้ชสอนทำเว็บไซต์พูดไหมคะ ว่าเวลาเราจะทำเว็บไซต์ควรเลือกทำแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลยดีกว่าการทำแบบจับฉ่าย ที่เขาแนะนำมาแบบนั้นมันมีเหตุผลค่ะ คือ
การทำเนื้อหา (Theam) หากเว็บไซต์ของเราเน้นเนื้อหาไหนก็ตามและมุ่งเน้นไปที่เรื่องนั้น ๆ เช่น คุณทำเว็บเกี่ยวกับอาหาร Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับอาหาร และพอมีคนค้นหาเรื่องเกี่ยวกับอาหาร เว็บไซต์ของคุณก็อาจจะปรากฏในผลการแสดงการค้นหาและเมื่ออายุของเว็บไซต์เพิ่มขึ้น คะแนนของ domain power ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
เนื่องจาก ถ้าคุณทำเว็บเกี่ยวกับอาหารโดยตรง Google อาจจะให้คะแนน domain power เว็บไซต์คุณที่ 20 คะแนน แต่หากคุณทำเรื่องอื่น ๆ รวมเข้าไปด้วย (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหาร)
เช่นคุณทำ อาหาร ,การแต่งรถ และการ์ตูน 3 อย่าง คะแนนของ domain power อาจจะเหลือแค่ อาหาร 10 คะแนน การแต่งรถ 5 คะแนน และการ์ตูน 5 คะแนนค่ะ
ดังนั้นหากคุณต้องการทำเนื้อหาใหม่แต่เนื้อเรื่องโดยรวมยังอยู่ภายใต้กรอบของเนื้อหาหลัก ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาหลักของคุณเกี่ยวกับอาหาร แต่คุณอยากแยกเป็น อาหารสำหรับเด็ก,สูตรอาหาร,อาหารสำหรับเด็กอายุ 2-4 ขวบ ฯลฯ แบบนี้การสร้าง sub directory จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีกว่า
แต่หากเว็บไซต์หลักของคุณทำเรื่องเกี่ยวกับอาหาร แต่คุณอยากเพิ่มการดูแลรถ,ข่าว,ดารา ฯลฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร การสร้าง Sub domain ก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า แถมยังไม่ทำให้คะแนนของ domain power ลดลงอีกด้วย
ความแตกต่างในการใช้งานของ Sub domain และ sub directory
- Sub directory = ใช้ Theam (เนื้อหา)เดียวกันกับ main เว็บไซต์
- Sub domain = แยก Theam(เนื้อหา) มาจาก main เว็บไซต์(สามารถเลือกใช้ Theam(เนื้อหา) ที่ต่างกันได้)
ข้อดีของ Sub domain
- ง่ายต่อการ Setup แถมมีความยืดหยุ่น
- สามารถสร้างเว็บไซต์ใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แถมยังช่วยส่งเสริม SEO ให้เว็บไซต์หลักหากใช้อย่างถูกวิธี
- ดูแลง่าย
ข้อดีของ Sub directory
- มีความเป็นมิตรกับ Search Engine สามารถจัดองค์ประกอบของเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบและสวยงาม ผุ้ชทสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย
- Search Engine สามารถวิเคราะห์และติดตามผลได้ง่าย
จะเลือกใช้ Sub domain หรือ Sub directory ดี?
ถึงแม้ว่า Sub domain และ Sub directory จะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งสองชนิดก็มีความน่าเชื่อถือและประหยัดเวลารวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีเท่ากัน ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำว่า
หากคุณต้องการที่จะตั้งค่าส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างง่าย ๆ เช่น เนื้อหาในเว็บไซต์หลักเป็นเรื่องหนึ่งและอยากสร้างอีกเว็บไซต์หนึ่งมาโดยที่เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หลักเลย คุณควรจะเลือกใช้ Sub domain
แต่หากคุณต้องการให้ส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์แบ่งย่อยในรายละเอียดส่วนอื่น ๆ หรือจัดหมวดหมู่ให้สวยงาม คุณควรจะเลือกใช้ Sub directory ค่ะ
สรุป : Sub domain หรือ Sub directory หากเราใช้งานอย่างถูกวิธีสามารถส่งผลดีต่อ SEO ด้วยกันทั้งคู่
โดย หากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ใหม่ที่เนื้อหาต่างไปจากโดเมนหลัก ก็เลือก Sub domain แล้วแปะลิงก์มาที่เว็บไซต์หลัก แต่ถ้าคุณอยากจัดเนื้อหาหรือเพิ่มหมวดหมู่ที่ใช้งานอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ควรเลือก Sub directory ค่ะ
การจะเลือกใช้งาน Sub domain หรือ Sub directory ให้ได้ตรงตามที่คุณต้องการ คุณควรพิจารณาด้วยตนเองว่าคุณต้องการอะไรในการใช้งานครั้งนี้เพื่อที่คุณจะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและได้ตรงตามเป้าหมายมากที่สุดค่ะ