Site icon Investwallet

เล่าเรื่องผีหลอน EP.29 ทางกลับหอ

เล่าเรื่องผีหลอน EP.29 ทางกลับหอ

ทางกลับหอ

คนที่เคยไปเรียนอยู่ไกลๆบ้านและได้ไปพักอยู่ที่หอพักต่างๆ เชื่อว่า มีหลายคนที่มีประสบการณ์หลอนๆ หรือเคยได้ยินประสบการณ์หลอนๆของคนอื่นๆมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งเรื่องที่เราจะมาเล่าในวันนี้ก็เป็นเรื่องของหนุ่มคนหนึ่งที่เจอกับเรื่องขนหัวลุก แต่เขาไม่ได้เจอในหอพัก แต่เป็นระหว่างทางกลับหอพักของเขาในเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เรื่องจะเป็นมายังไง เราไปฟังกันเลยค่ะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องก็เกิดขึ้นตอนที่ผมเดินทางกลับหอพัก ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยหนึ่งในตัวเมือง หอพักของผมค่อนข้างจะไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ซึ่งผมจะเลี่ยงการเดินทางกลับตอนดึกๆตลอด เพราะระหว่างทางมันน่ากลัวและไม่ค่อยมีคนผ่านมากนัก

แต่วันนี้อาจารย์ดันให้ผมแก้รายงานให้เสร็จ ผมจึงต้องกลับหอค่ำกว่าปกติ ก่อนที่จะเดินออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อนๆก็เรียกให้ผมดื่มเบียร์ด้วยกันก่อน ซึ่งแรกๆผมก็ว่าจะปฏิเสธเพราะไม่อยากกลับดึก แต่ด้วยคิดว่ามันก็ดึกมาแล้ว ดื่มต่อสักหน่อยคงไม่ดึกกว่าเดิมมาก ซึ่งผมกับเพื่อนก็ดื่มเบียร์ด้วยกันหมดไปประมาณ 2 ขวด อีกอย่างที่ผมไม่ปฏิเสธไปเพราะผมชอบอยู่กับเพื่อนๆอยู่แล้วอีกอย่างกลับไปกินเบียร์ที่หอคนเดียวคงไม่สนุกแน่ผมจึงนั่งดื่มต่อกับเพื่อนๆจนเวลาล่วงเลยมาถึง 3 ทุ่มครึ่งซึ่งจากมหาวิทยาลัยถึงหอพักของผมต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งและดึกขนาดนี้ไม่มีรถสองแถวหรือรถบัสผ่านมาแล้วผมหารถได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือรถสองแถวที่วิ่งผ่านมาพอดี แต่เขาไม่สามารถพาผมไปถึงหอพักได้แถมให้ผมลงกลางทางโดยผมต้องเดินต่ออีกประมาณ 2 กมถึงจะถึงหอพักของผม

ระยะทาง 2 กิโลเมตรนี้มีต้นไม้ใหญ่อยู่ริมสองข้างทางและไม่มีไฟส่องสว่างซึ่งถนนสายนี้ตอนกลางวันคนหนาแน่นมากแต่ตอนกลางคืนรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในหนังสยองขวัญ แต่อาจเป็นผลดีของการดื่มเบียร์มันเลยทำให้ผมเดินผ่านถนนสายนี้มาโดยที่ไม่ได้คิดถึงสิ่งรอบข้างเลย จนกระทั่งผมได้เห็นร่างๆหนึ่งเดินข้ามถนนข้างหน้าของผม ซึ่งตอนนั้นผมคิดในใจว่าดึกขนาดนี้และถนนเปลี่ยวๆอย่างนี้ยังจะมีคนข้ามถนนและเดินเลาะต้นไม้ไปอีกนะ ซึ่งผมเองก็หยุดเดินและมองต่อสักครู่ก็เห็นว่าร่างนั้นเป็นผู้หญิงและกำลังเดินเข้าไปในพุ่มไม้

ผมไม่กล้าเดินต่อจนกว่าจะเห็นว่าเธอเดินไปไกลแล้ว ซึ่งผมก็ค่อนข้างสงสัยแต่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่เพราะฤทธิ์เมาเบียร์ยังคงกรุ่นๆอยู่ในหัว พอเธอเคลื่อนออกไปไกลขึ้นผมจึงตัดสินใจเดินต่อไปอย่างช้าๆ สายตาก็จ้องมองเธออยู่และเห็นเธอหายไปในความมืด เมื่อเธอหายไปแล้วผมจึงเดินต่อไปเพื่อหวังจะกลับให้ถึงหอพักให้เร็วที่สุด

ผมเดินต่อมาเรื่อยๆก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินตาม ผมจึงค่อยๆหันหลังกลับไปมอง ผมเห็นเงาของผู้หญิงคนเดิมเดินตามหลังผมมา แสงจันทร์ที่ส่องผ่านทำให้เห็นเหมือนเธอกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ เธอตามหลังผมมาอยู่ประมาณครึ่งกิโล ผมรีบหันหลังกลับและเดินต่อในใจเริ่มกลัวๆ สักพักผมก็หันหลังกลับไปมองอีกครั้งก็เห็นว่าเธอเดินใกล้เข้ามากว่าเดิมมาก ผมจึงหันหลังกลับและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหวังจะผ่านถนนเส้นนี้ให้เร็วที่สุด

แต่ในที่สุดผมก็เดินผ่านถนนเส้นนี้มาได้และกำลังจะเดินเข้าหน้าหอพัก ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ผ่านมาได้แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาก็รู้สึกว่ามีคนมาแตะที่ไหล่ ผมจึงหันหลังกลับไปอีกครั้งเห็นผู้หญิงคนเดียวกันที่ตามผมมา คราวนี้เธอมายืนอยู่ข้างหลังผม เธอผมยาวสวมกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีดำใบหน้าของเธอซีดและคล้ำมากแต่เธอแสยะยิ้มให้ผม ทำให้ผมมองเห็นฟันขาวๆซึ่งผมสังเกตได้ว่าเธอไม่ได้สวมรองเท้าด้วย และภาพตรงหน้านั้นก็ทำให้ผมขนลุกและกลัวมาก ผมตัวสั่นและแข็งทื่อร่างกายของผมชาไปทั้งตัวตั้งแต่คอจนถึงปลายเท้า แต่มีความรู้สึกลึกๆในใจว่าผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้
ผมพยายามดิ้นและผลักเธอออกและร้องตะโกนดังๆถามเธอไปว่า

“เธอต้องการอะไร”

เธอไม่ตอบเอาแต่จะแสยะยิ้มและเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนใบหน้าของเธอห่างจากใบหน้าของผมเพียงแค่ไม่ถึง 2 นิ้วเท่านั้น จากนั้นดวงตาของเธอก็เริ่มถลึงออก ผมขาสั่นมาก กลัวจนไม่มีเรี่ยวแรงจะวิ่งหรือเดินต่อไหว

คราวนี้ก็มีมือเย็นๆมาจับที่ไหล่ผม ผมก็หันหลังกลับไปมอง เห็นลุงแก่ๆคนหนึ่งยืนอยู่ และถามผมว่า

“พ่อหนุ่มเป็นอะไร ทำไมไม่เข้าหอพักล่ะ”

จากนั้นผมก็หันหลังกลับไปมองผู้หญิงคนนั้น ก็ปรากฏว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ผมจึงเริ่มได้สติจึงเดินเข้าไปเกาะแขนลุงแล้วบอกลุงอย่างโล่งใจว่า

“ขอบคุณลุงมากนะครับที่มาเรียกผม“

จากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่ผมเพิ่งพบเจอทั้งหมดให้ลุงฟัง

ซึ่งลุงก็บอกว่า เห็นผมไม่กลับมาสักทีเลยเป็นห่วง จึงออกมายืนรอที่ทางเข้าหน้าหอพัก แต่พอเห็นผมเดินมาลุงก็รู้สึกโล่งใจ และกำลังจะกลับเข้าไปในหอพักตามเดิม แต่พอยืนมองดูสักพักก็เห็นผมยืนนิ่ง ลุงก็เลยเข้ามาเรียก และลุงก็บอกผมเอาไว้ด้วยว่า คราวหลังถ้าเกิน 4 ทุ่มแล้ว ไม่ต้องกลับมาคนเดียวล่ะ ให้นอนค้างที่บ้านเพื่อนหรือหอเพื่อนไปก่อน เช้าอีกวันหนึ่งค่อยกลับละกัน ผมก็พยายามถามลุงถึงเรื่องนี้แต่ลุงก็ไม่ตอบ และบอกผมเพียงแค่ว่า อย่ารู้เลยจะดีกว่า

Exit mobile version