ใครที่ชอบเดินทางตอนกลางคืนไกลๆหากคุณได้ลองฟังเรื่องราวเหล่านี้คุณอาจจะไม่กล้าออกเดินทางตอนกลางคืนไปอีกเลยก็ได้
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณโซเฟีย ซึ่งคุณโซเฟียเป็นภรรยาของคุณโจ โดยคุณโจทำงานเป็นตากล้องของบริษัทรับจัดงานออแกไนซ์ต่างๆ โดยมีครั้งหนึ่งคุณโจก็ได้เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของเขาให้กับโซเฟียฟังและโซเฟียก็ได้แชร์ประสบการณ์นี้ให้เราฟังเช่นกัน โดยโซเฟียเล่าให้ฟังว่า
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงของคุณโจที่ครั้งหนึ่งเขาได้เคยเดินทางไปที่ประเทศอินเดีย เมื่อปลายปี 2545 คุณโจกับไมค์มีธุระจะต้องออกไปเก็บบรรยากาศเพื่อถ่ายวิดีโอโปรโมทงาน โดยทั้งสองคนพากันขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจเดินทางไปโกฮาร์เบอร์เพื่อไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งแถบชานเมือง 2 หนุ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปอย่างช้าๆบนถนนแคบๆที่พาดผ่านภูเขาแห่งนี้ ด้วยความที่ไม่ค่อยชินทางและเป็นงานนอกสถานที่ ทำให้สองหนุ่มคอยเก็บบรรยากาศระหว่างทางไปด้วย
แต่สองหนุ่มอาจจะใช้เวลากับการแวะมากไปหน่อยทำให้ต้องเดินทางต่อในช่วงค่ำมืด ซึ่งตอนนี้ก็มืดมากแถมถนนยังแคบและเป็นลูกรังด้วย นอกจากถนนจะแคบแล้วยังเปลี่ยวมากการเดินทางในช่วงเวลา 21:00 น ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะมีธุระด่วนที่จะต้องไปถ่ายวีดีโองานกิจกรรมสำคัญของหมู่บ้านและพวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงจนกว่าจะถึงหมู่บ้านปลายทาง
อาจจะเป็นเพราะถนนลูกรังแคบและขับรถยากโจกับไมค์ จึงตัดสินใจหยุดพักรถเพื่อสูบบุหรี่ใต้ต้นไม้ใหญ่สักครู่ ระหว่างพักก็คุยกันถึงเรื่องการแวะที่มากไปหน่อย ทำให้ต้องมาเดินทางในช่วงค่ำๆมืดๆ พวกเขาสูบบุหรี่จนหมดม้วนแล้วก็พากันขับรถต่อไป
ซึ่งดูจากเข็มไมล์แล้วอีกเพียงแค่ 59 กิโลเมตรพวกเขาก็จะเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว โจจึงบอกให้ไมค์เร่งความเร็วขึ้นอีกเผื่อว่าไปถึงเร็วก็จะได้พักเร็วขึ้นด้วย ไมค์จึงเร่งความเร็วขึ้นตามที่โจบอก แต่พอขับไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็หยุดรถ โจแปลกใจมากที่ไมค์หยุดรถเพราะเขาตั้งใจไว้ว่าอยากจะรีบให้ไปถึงงานเต็มทีแล้ว
ไมค์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยพร้อมถามโจว่า
”คุณสังเกตเห็นอะไรไหม”
“อะไรเหรอ”
โจถามงงๆ
“ตรงนี้มันใช่ที่เดียวกันกับที่เราจอดสูบบุหรี่เมื่อกี้นี้ไหม”
ไมค์พูดต่ออย่างงุงงงสงสัยและตื่นตระหนก โจเหลียวมองรอบๆเขาจำได้ว่าต้นไม้ต้นนี้และก้อนหินใหญ่ก้อนนี้แหละเหมือนจุดที่พวกเขาจอดรถก่อนหน้านี้มาก แต่หลังจากที่พวกเขาขับมอเตอร์ไซค์ออกไปพวกเขาไม่ได้เลี้ยวรถเลยแม้แต่น้อยพวกเขาขับไปทางตรงตลอดมันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะกลับมาที่จุดเดิม
แถมตอนนี้ก็เป็นเวลา 21:45 น แล้ว ซึ่งถ้าเช็คจากเข็มไมล์แล้วพวกเขาทั้งสองน่าจะใกล้ถึงหมู่บ้านปลายทางแล้ว แต่ทำไมกลับยังอยู่ที่เดิมซึ่งห่างจากหมู่บ้านอีก 59 กมเหมือนตอนก่อนหน้านี้ที่จอดรถเลย โดยมันเหมือนกับว่าพวกเขาขับรถอยู่ที่เดิมตลอด 2 หนุ่มหันมองหน้ากันอย่างสงสัย แว๊บเดียวลมเย็นยะเยือกก็ไหลผ่านเข้าไปถึงกระดูกสันหลังโจกับไมค์ก็เริ่มตัวสั่นและตื่นตระหนก
2 หนุ่มตัดสินใจควบมอเตอร์ไซค์วิ่งออกไปอีกครั้ง ในใจนึกอยากจะออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด พวกเขาขับรถต่ออีกประมาณ 20-25 นาทีก็เห็นว่ามันยังอยู่ที่จุดเดิมอีกแล้ว 2 หนุ่มเริ่มกลัวหนักมาก ต่างคนต่างสวดมนต์อ้อนวอนภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองบทสวดมนต์บทไหนที่นึกขึ้นได้ พวกเขาก็ท่องทั้งหมดปะปนกันไปไม่เป็นคำ และตัดสินใจควบมอเตอร์ไซค์ออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้เหมือนคำสวดของพวกเขาเป็นผลพวกเขาได้เข้ามาถึงหมู่บ้านปลายทางได้หลังจากที่ติดอยู่ที่เดิมถึง 1 ชั่วโมงครึ่งเมื่อถึงหมู่บ้านพวกเขารีบเข้าห้องพักอย่างใจสั่นแต่ความกลัวและความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้พวกเขาหลับไปตื่นเช้ามา 2 หนุ่มได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับคนในหมู่บ้านฟังซึ่งคนในหมู่บ้านก็บอกว่ามีหลายคนที่เข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ก็เจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันโดยจุดที่พวกเขาเจอก็คือจุดเดียวกันกับที่โจและไมค์เจอซึ่งทุกคนที่นี่ต่างไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่มันเป็นประสบการณ์หนึ่งที่น่าขนลุกมากโดยตอนที่โจเล่าฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวที่เขามีได้เป็นอย่างดี โซเฟียกล่าว