เพื่อนๆ Tell Ghost มีใครเคยได้ยินตำนานเรือปิศาจ Flying Dutchman กันบ้างไหมคะ ที่เขาว่ากันว่า มันคือเรือที่ถูกสาบให้แล่นอยู่ในทะเลชั่วกัปชั่วกัลป์ จะพ้นคำสาบเมื่อถึงวันสิ้นโลก วิญญาณที่อยู่ในเรือจะไม่สามารถกลับบ้านได้ ไม่สามารถข้ามไปสู่โลกอื่นได้ ไม่สามารถไปสู่นรกได้ ไม่สามารถไปยังสวรรค์ได้” คนที่พบมักเล่าตรงกันว่า ได้เจอในคืนวันที่มีหมอกหนาทึบ และเห็นแสงรอบๆเรือซึ่งเชื่อว่าเป็นวิญญาณของผู้ที่ถูกสาบนั่นเอง ทุกคนเห็นว่าเรือแล่นได้แต่ไม่มีใครพบว่ามีลูกเรือเลยสักคน เรื่องนี้เป็นตำนานเล่าลือกันมาตั้งแต่ 300 กว่าปีที่แล้วและใครที่เคยได้ดูหนังเรื่อง “Pirate of the Caribbean” ก็น่าจะเคยผ่านตากับเรือปิศาจนี้มาบ้าง เดี๋ยววันนี้เราจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังค่ะ
เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน (Flying Dutchman) เชื่อกันว่าเป็นเรือปีศาจที่จะร่อนเร่ไปตามน่านน้ำจนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก มักจะมาปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นบ่อยในบริเวณแหลมกู๊ดโฮป ว่ากันว่าจะมีแสงเรืองที่น่ากลัวออกมาจากเรือและมีกัปตันเรือผู้ซึ่งแต่งกายแบบยุคสมัยเก่ายืนคุมเรืออยู่ พร้อมกับส่งเสียงอันโหยหวนน่าขนหัวลุกออกมา
มีเรื่องเล่าอยู่สองเรื่องที่เกี่ยวกับตำนานของเรือลำนี้ เรื่องแรกเป็นเรื่องของกัปตันเรือ ที่ไม่นับถือศาสนา และไม่เชื่อในพระเจ้า จึงถูกพระองค์พิพากษาลงโทษ
อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนักเดินเรือที่ชื่อ เบอร์นาร์ด โฟคค์ ซึ่งให้สัญญากับปีศาจว่า ถ้าช่วยให้เขาเดินทางไปถึง อีสต์อินเดีย ภายในเวลา 90 วัน เขาจะยอมตกอยู่ในอาณัติของมัน ทั้งสองเรื่องนี้ว่ากันว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้เรือ Flying Dutchman ต้องระหกระเหินอยู่ในทะเลชั่วกัลปาวสาน
โดยตำนานเรื่องเรือปิศาจนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรือ Flying Dutchman เป็นของ Dutch East India Company เป็นเรือบรรทุกสินค้า และมีกัปตันชาวดัทช์ที่ชื่อ Van Der Decken ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหด และเป็นคนไม่มีศาสนา ไม่นับถือพระเจ้า
ในปี ค.ศ. 1680 กัปตัน Van Der Decken ได้พาเรือ Flying Dutchman ของเขา พร้อมลูกเรือไปยังดินแดนทางฝั่งตะวันออกและในขณะที่เขากำลังพาเรือกลับไปยังประเทศฮอลแลนด์นั้นระหว่างที่แล่นเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป ได้เกิดพายุพัดกระหน่ำรุนแรงและมีคลื่นสูงมาก กัปตันได้พยายามต่อสู้กับพายุที่บ้าคลั่งอยู่นานเป็นชั่วโมง จนพายุได้พัดเรือของเขาออกนอกเส้นทางไป และได้ไปชนกับหินโสโครก จึงทำให้ตัวกัปตันและลูกเรือของเขาจมสู่ก้นมหาสมุทรและเสียชีวิตทั้งหมด ทุกคนเชื่อว่าพายุลูกนั้นเกิดจากการที่พระเจ้าได้ลงโทษกัปตันและเรือลำนั้น เล่ากันว่าระหว่างที่กัปตันกำลังพยายามต่อสู้กับพายุอยู่นั้น เขาได้ตะโกนออกมาว่า
“I will round this Cape even if I have to keep sailing until doomsday!”
แปลว่า
“ข้าจะวนเวียนอยู่บริเวณแหลมนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวันสิ้นสุดของโลกก็ตาม”
ในส่วนของที่ต้องเจอกับพายุบนเรือก็มีอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่เล่ากันต่อๆมาว่า ระหว่างที่แล่นเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป เรือได้เจอกับคลื่นสูงและพายุกระหน่ำ ลูกเรือเชื่อว่าพายุนี้เป็นเพราะเทพเจ้าทรงพิโรธจึงได้แจ้งกัปตัน Decken ว่าควรที่จะแล่นเรือเข้าฝั่งแล้วหาสถานที่หลบก่อน กัปตันเรือไม่ฟัง แต่กลับสั่งให้หันหัวเรือเข้าหาพายุโดยคิดว่าจะสามารถพาเรือฝ่าพายุไปได้ ลูกเรือคนหนึ่งจึงได้ปลุกระดมโดยการชักชวนลูกเรือคนอื่นๆเข้าทำการยึดอำนาจจากกัปตัน Decken โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะหันหัวเรือเพื่อหาที่หลบพายุ แต่กัปตันซึ่งมีปืนอยู่ในมือ กำลังเมาสุราและมีอาการคุ้มคลั่ง กัปตันโมโหลูกเรือคนที่ปลุกระดมก่อกบฎ จึงยิงลูกเรือคนนั้นตายแล้วถีบลงทะเลทิ้งไป กัปตันเรือได้ยินเสียงตำหนิแว่วออกมาจากกลุ่มเมฆสีเทาเบื้องหน้า จึงได้ยิงปืนกระหน่ำเข้าสู่กลุ่มเมฆนั้น ลูกปืนระเบิดใส่มือกัปตันจนแหลก ท้ายที่สุดเรือก็ได้ชนเข้ากับหินโสโครก ทุกคนเสียชีวิตทันทีและติดอยู่กับคำสาปในเรือของกัปตัน Decken ด้วยกันทั้งหมด
แต่ตำนานยังไม่จบสิ้นแค่นี้ เมื่อเรือ Flying Dutchman ได้ปรากฏให้ผู้คนได้พบเห็นหลายครั้ง ได้แก่
- ในปี ค.ศ. 1881 คนประจำเรือของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เห็นเรือ Flying Dutchman ปรากฏขึ้นทางด้านหัวเรือ และหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนประจำเรือคนนั้นก็เสียชีวิตจากการพลัดตกเสากระโดงเรือ
- ในปีเดียวกันนั้น เรือสินค้าสัญชาติสวีเดนได้แล่นผ่านบริเวณที่เรือ Flying Dutchman จม คนประจำเรือบนเสากระโดงได้มองเห็นเรือ Flying Dutchman และในตอนนั้นเขาก็พลัดตกลงมาจากเสากระโดงทันที ก่อนที่จะเสียชีวิตเขาได้บอกว่าได้เห็นเรือ Flying Dutchman กัปตันจึงได้ส่งคนขึ้นไปดูอีกที แต่ผ่านมาอีกสองวันเขาก็ได้เสียชีวิตลงอีกคน
- ในปี ค.ศ. 1911เรือ Orkney Belle กำลังเดินทางผ่านบริเวณแหลมกู้๊ดโฮป และก็ได้มีรายงานว่าพบเห็นเรือ Flying Dutchman
- ในปี ค.ศ. 1942 ผู้บังคับการเรือดำน้ำ U boats พลเรือตรี Karl Doenitz แห่งราชนาวีเยอรมัน ได้บันทึกในปูมเรือว่าพบเรือ Flying Dutchman แล่นผ่านเรือของเขาไป
- ในปี ค.ศ. 1942 ผู้บังคับการเรือ Nicholas Monsarrat แห่งเรือรบหลวง H.M.S. Jubilee ได้พบเรือ Flying Dutchman และได้พยายามส่งสัญญาณไปยังเรือนั้น แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับมา เขาได้บันทึกไว้ในปูมเรือว่าพบเรือใบไม่ทราบประเภทชั้นเรือแล่นผ่านไปทั้งๆ ที่ไม่มีกระแสลมพัดอยู่เลย
- ในปี ค.ศ. 1943 ชาวบ้าน 4 คนในเมือง Cape Town ได้เห็นเรือ Flying Dutchman แล่นหายไปทางด้านหลังของเกาะ
- ในปี ค.ศ. 1959 กัปตันเรือ Staat Magelhaen พบว่าเรือกำลังมุ่งหน้าพุ่งเข้าชนกับเรืออีกลำหนึ่ง เรือลำนั้นก็คือเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน แต่พอเรือเข้าใกล้จะชนปรากฏว่าเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนได้หายตัวไป และยังมีอีกหลายครั้งที่เกิดพายุใหญ่บริเวณประภาคาร Cape light house มีบันทึกรายงานว่าได้พบเจอเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนมาปรากฎให้เห็น หลายปีต่อมา เรือ Relentless สัญชาติอเมริกาได้แล่นผ่านบริเวณแหลมกู๊ดโฮป กัปตันได้เห็นเรือ Flying Dutchman จึงสั่งให้นายท้ายเรือหันหัวเรือไปทางนั้น เพื่อที่จะเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด แต่ทว่านายท้ายเรือก็ไม่ได้ทำตามคำสั่ง กัปตันจึงไปตรวจดูและพบว่านายท้ายเรือได้เสียชีวิตแล้ว และในคืนนั้นคนประจำเรือก็ได้หายตัวไปจากเรือถึงสามคน
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะคำสาป หรือเพราะคำสาบานที่พันธนาการเรือไว้ชั่วนิรันดร์ แต่ จากครั้งล่าสุดที่มีคนพบเห็นตอนนี้ก็ผ่านมากว่า 50 ปีแล้ว ในวันที่หมอกลงจัดและไร้คลื่นลม ไร้ซึ่งสรรพเสียงของนกนางนวล ลองเงี่ยหูฟังดีๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้ยินเสียงโหยหวนของกัปตันเรือลอยตามลมมาก็ได้…