Site icon Investwallet

เล่าเรื่องผีหลอน EP.51 ใครอยุ่ในโรงยิม

เล่าเรื่องผีหลอน EP.51 ใครอยุ่ในโรงยิม

เล่าเรื่องผีหลอน EP.47 จิตอาฆาต

ว่ากันว่าเวลาเล่นซ่อนหาตอนเย็นๆ มักจะมีคนเจอเรื่องแปลกๆกันเยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอกันแบบไหน บางคนหายไปหลายวัน บางคนก็เจอได้หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเรื่องที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ก็เป็นเรื่องของคุณเอ๋ ที่เคยเล่นซ่อนหาตอนหกโมงเย็น ซึ่งถือว่าใกล้จะมืดแล้ว แถมที่เธอเล่นก็เป็นมหาวิทยาลัย เธอจะเจอกับเรื่องหลอนขนหัวลุกยังไง เราไปฟังพร้อมๆกันเลยค่ะ

ในช่วงปิดเทอมตอน ม.1 เรากับเพื่อนๆแถวบ้านชอบชวนกันไปเล่นในวิทยาลัยอาชีวะที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก เย็นวันหนึ่งพวกเราตกลงกันที่จะไปเล่นซ่อนหา

เพื่อนคนหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า

“เล่นซ่อนหาตอนหกโมงเย็นเนี่ยนะเขาถือไม่ใช่หรือว่า เดี๋ยวผีจะลักซ่อน”

เพื่อนอีกคนหัวเราะแล้วพูดว่า

“เล่นตอนเวลาโพล้เพล้ๆนี่แหละดี สนุกดีออก เรามีกันตั้งแปดคนจะกลัวอะไรเอาล่ะใครไม่เล่นก็อย่าเล่นนะ”

หลังจากนั้นการเล่นซ่อนหาจึงได้เริ่มต้นขึ้น ในเกมแรกนั้นจบลงอย่างรวดเร็วเพราะเพื่อนคนที่ เป็นฝ่ายหานั้นมีความคุ้นเคยในพื้นที่ตามซอกตามมุมต่างๆของวิทยาลัยแห่งนี้เป็นอย่างดี

เมื่อเริ่มเกมที่สองเรากับเพื่อนซี้อย่าง เจน จึงตกลงแยกกันไปแอบซ่อนตามลำพังที่ใครที่มัน เพื่อให้การตามหานั้นยากเย็นขึ้นอีก เราแอบเข้าไปในโรงยิมที่ตอนนั้นไม่ได้ล๊อคประตูอยู่พอดี ในโรงยิมค่อนข้างกว้างใหญ่แต่ก็มืดสนิท ดูวังเวงไม่ใช่น้อย เราก็ค่อยๆย่องไปนั่งแอบอยู่ตรงข้ามอัฒจันทร์เล็กๆทางด้านขวา เราอยู่ในท่านั่งยองๆพยายามนั่งเงียบๆเพราะกลัวว่าจะมีเสียงกระแอมกระไอให้เพื่อนๆด้านนอกได้ยินเข้า ในใจก็ลุ้นว่าจะมีใครคนอื่นๆไหมที่แอบเข้ามาซ่อนที่โรงยิมนี้ด้วยกันกับเรา

ตอนนั้นเราพยายามเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอกว่ามีใครถูกหาตัวพบไปแล้วบ้าง จังหวะที่พยายามนั่งเงียบๆนิ่งๆอยู่นั้นสายตาของเราก็บังเอิญเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้าม ในความมืดสลัวนั้นเราก็พอดูออกว่าใครคนนั้น เป็นผู้หญิงผมยาวประบ่า นั่งอยู่กลางอัฒจันทร์และกำลังมองมาทางที่เรากำลังแอบอยู่พอดี จังหวะนั้นเราก็สะดุ้งวูบอยู่ในใจคิดว่าอาจจะเป็นนักเรียนนักศึกษาคนใดคนหนึ่งที่มาแอบนั่งเศร้าที่นี่ตามลำพังคนเดียวมืดๆก็เป็นได้ แต่ในสถานการณ์เช่นนั้นเราก็ไม่รู้ว่าควรจะตะโกนบอกเขาว่า เรามาขอเล่นซ่อนแอบ หรือยิ้มให้เขาดีหรือจะลุกขึ้นทักทายเขาหรือควรจะทำอย่างไรดี

เราจึงได้แต่นั่งนิ่งแล้วก็มองเขาต่อ แต่ท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นมองเรานั้น ทำให้เรารู้สึกใจเต้นระทึกและรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยหรือมีท่าทางแบบคนปกติธรรมดาทั่วไปเลย ผู้หญิงคนนั้นนั่งนิ่งจนเกือบจะเรียกได้ว่าตัวแข็งทื่อแล้วก็จ้องมองมาทางเราเขม็งเลยทีเดียว ซึ่งถ้ามีใครสักคนที่มาแอบมานั่งร้องไห้คนเดียวก็น่าที่จะมองมาทางเราแล้วหันไปทางอื่นไม่ต้องมาสนใจเราอีก

แต่นี่เธอกลับจ้องมองเขม็งจนเราอดสั่นสะท้านใจไม่ได้ ขณะที่กำลังบอกตัวเองว่าควรจะลุกขึ้นแล้วออกจากโรงยิมนี้แล้วหาที่ซ่อนใหม่หรือก็ยอมถูกเพื่อนๆเจอตัวเป็นคนแรกก็ช่าง ถึงอย่างไรก็คงดีกว่าที่จะมานั่งอยู่ในที่มืดๆให้คนไม่รู้จักจ้องเอาๆอย่างน่ากลัวอย่างนี้ จังหวะที่เราคิดจะลุกนั้น เราก้รู้สึกว่าไม่สามารถที่ขยับตัวลุกขึ้นได้เพราะรู้สึกมันนิ่งๆ ชาๆ แล้วจู่ๆก็รู้สึกเคลิ้มจนค่อยๆหลับไปในที่สุด

ไม่รู้ว่าเราหลับไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกเขย่าแรงๆ พอลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่ามีเพื่อนๆและผู้ชายสูงอายุ คนหนึ่งยืนล้อมวงอยู่

“เฮ้ยเอ๋ เป็นอะไรน่ะ ทำไมมานั่งหลับอยู่ที่นี่”

ตอนนั้นในโรงยิมเปิดไฟสว่างไสวจนทั่วแล้ว เพื่อนๆเล่าให้ฟังว่าหลังจากเล่นซ่อนหาจบเกมที่สองแล้ว ก็สังเกตได้ว่าขาดเราไปเพียงคนเดียวเท่านั้นจึงช่วยกันออกตามหาจนทั่ววิทยาลัยแต่ก็ไม่พบ เพื่อนคนหนึ่งก็สงสัยว่าเราอาจจะอยู่ในโรงยิมนี้จึงพากันเปิดดู แต่ก็เปิดไม่ได้เพราะเหมือนมีคนล๊อคอยู่ด้านใน เพื่อนจึงหาวิธีไปเข้าทางอื่นก็ไม่มีทางเข้า จนมาพบกับพนักงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบคอยดูแลโรงยิมและพี่ รปภ.

จึงขอร้องให้เขาเปิดเพื่อเพื่อนอยู่ด้านใน พอเปิดประตูได้พนักงานจึงเปิดไฟทั่วโรงยิมก็เลยมาเห็นเรานั่งหลับคุดคู้อยู่ตรงข้างอัฒจันทร์นี้ จึงช่วยกันปลุกให้ตื่นในที่สุด พอเราตื่นขึ้นมาก็รู้สึกตกใจ และตอนนั้นเราก็บอกให้รีบพาเราออกจากที่นั่นก่อโดยเร็วที่สุด

เราผู้ที่ทุกอย่างหายไปในช่วงจังหวะหนึ่งก็ยกแขนขึ้นมามองดูนาฬิกาข้อมือ ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่าแล้ว พอออกมาจากโรงยิมกลับบ้านมาเราได้เล่าให้พ่อแม่และเพื่อนๆฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้างในตอนนั้น

จากนั้นเพื่อนๆก็กลัวกันใหญ่ และไม่มีใครกล้าไปเล่นที่โรงยิมอีกเลย ส่วนเราตอนนั้นจำได้ว่าจับไข้ไป 3 วันเลยทีเดียว

Exit mobile version