วันสงกรานต์ของไทย ใครๆก็คงจะคิดถึงเรื่องที่สนุกสนาน มีความสุข สังสรรค์และเล่นน้ำคลายร้อนกันใช่ไหมคะ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับวันสงกรานต์นั่นคืออุบัติเหตุ ซึ่งถือว่าเทศกาลนี้ค่อนข้างจะเกิดอุบัติเหตุสูงมาก ซึ่งอุบัติเหตุเหล่านี้มันก็พรากคนที่รักของครอบครัว ครอบครัวหนึ่งไปด้วย โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณนก ที่ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์สยองที่เกิดขึ้นในวันสงกรานที่เธอได้พบเจอมา โดยคุณนกได้เล่าว่า
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นนกทำงานเป็นเซลล์อยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งนกเองทำงานที่นี่มาได้ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว พอทุกอย่างเริ่มลงตัวและเข้าที่เข้าทาง ก็ใกล้ๆวันสงกรานต์พอดี ตอนปีใหม่ ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย นกเลยยังไม่ได้กลับบ้าน แต่สงกรานต์นี้ตั้งใจว่าจะกลับไปบ้านสักหน่อย
บ้านของนกอยู่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งนกคิดว่า นกไม่ได้กลับบ้านมา 2 ปีกว่าๆแล้ว ไม่รู้ว่าที่บ้านจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ก่อนที่จะกลับ นกก็ได้โทรบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าจะกลับไปถึงที่บ้านประมาณวันที่ 12 ซึ่งแม่ก็บอกนกอย่างตื่นเต้นดีใจด้วยเหมือนกันว่า พี่ชายของนก ก็จะพาครอบครัวเขากลับมาที่บ้านด้วยเหมือนกัน
แม่ตอนที่พูดอยู่น้ำเสียงดูดีใจมาก เพราะปีนี้ที่บ้านคงจะพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังจากที่ต่างคนต่างออกไปใช้ชีวิตกันมานานสองนาน สำหรับนก พี่ชายของนก ห่างจากนก 3 ปี ตอนสมัยเรียนพี่เค้าเฮ้วมาก แสบสุดๆ แต่พอมามีครอบครัว พี่เขาก็ดูเปลี่ยนไป ดูมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ก็ยังคงใจร้อนอยู่ เพราะบ่อยครั้งแม่ก็มักจะโทรมาเล่าให้นกฟังเรื่องของพี่ เพราะว่าแม่บอกว่า เมียของพี่จะโทรไปเล่าให้แม่ฟังตลอด ว่าพี่ของเราใจร้อนหรือมุทะลุแค่ไหน
มีครั้งหนึ่งแม่มาเล่าให้นกฟังว่า เมียของพี่โทรมาหาแม่แล้วร้องไห้ใหญ่โต บอกว่าตอนนี้พี่อยู่โรงพยาบาล เพราะถูกรุมต่อย สาเหตุเกิดในช่วงปีใหม่ คือ คนในซอยที่บ้านพี่อยู่นั้น ช่วงปีใหม่ มีการตั้งวงเหล้า ดื่มเหล้าเสียงดัง แถมยังออกมาตั้งวงที่หน้าบ้าน ซอยเข้าบ้านก็แคบๆ วันนั้นพี่เรากลับมาจากทำงาน ซึ่งเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆแล้ว พี่แกคงเหนื่อยและอยากเข้าบ้านไวๆ ซึ่งระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน พี่เราก็โทรคุยกับเมียเขาอยู่ตลอด
พอพี่เลี้ยวมาที่ซอยนั้นและกำลังจะขับรถผ่าน ก็มีกลุ่มที่นั่งกินเหล้ากันอยู่นั้น มีผู้หญิงถูกผู้ชายผลัก จนถลามาล้มที่หน้ารถของพี่เรา พี่เราเบรกไม่ทัน ทำให้ชนผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายที่ผลัก และคนอื่นๆก็รีบวิ่งมา แล้วมาเคาะกระจกรถพี่ เรียกพี่ให้ลงไป พี่เราก็ลงไป แต่ไม่รู้ไปคุยกันท่าไหน สักพัก ก็มีเรื่องชกต่อยกันขึ้น หลังจากนั้นเพื่อนๆคนอื่นๆในกลุ่มที่นั่งกินเหล้ากันอยู่ก็มารุ่มต่อยพี่เรา ดีที่ตอนนั้นมีคนจากบ้านอื่นๆมาช่วยกันห้าม แต่สภาพของพี่ก็หนักเอาการอยู่ และต้องส่งไปโรงพยาบาล
พ่อกับแม่ก็ขึ้นรถมาเยี่ยมพี่ ตอนนั้นนกไม่ได้ตามไปเยี่ยมด้วย เพราะติดงานกะทันหัน แต่ก็โทรคุยกับพี่และเมียพี่ด้วย ซึ่งสงกรานต์นี้เราทุกคนก็จะได้เจอกันแล้ว
นกกลับถึงบ้านวันที่ 12 ตอนเย็นๆ ประมาณ 6 โมงกว่าๆแล้ว พอถึงบ้านก็พบว่า พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานชายตัวน้อย อายุ 2 ขวบนั่งรออยู่ที่บ้าน และพ่อกับแม่ก็มีหน้าตายิ้มแย้ม ตามประสาคนแก่ ที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า
วันนั้นพวกเรานั่งกินอาหารด้วยกันอย่างสนุกสนาน และผลัดกันเล่าเรื่องราวต่างๆที่ไปเจอมา ตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ถึงแม้ว่า จะมีโลกโซเชี่ยลและการติดต่อมันง่ายกว่าแต่ก่อนมาก แต่การได้นั่งพูดคุยกันต่อหน้า มันดีกว่ากันเยอะ
พวกเรานั่งกินอาหารฝีมือแม่และเล่าเรื่องไปประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เพื่อนพี่ชายคนหนึ่งที่อยู่แถวบ้าน มาเห็นพี่นั่งอยู่ก็ดีใจมาก และเดินเข้ามาร่วมวงด้วย พอตกดึกพี่สะใภ้ก็พาหลานเข้านอน นกเองก็กำลังจะเข้าไปนอนด้วยเหมือนกัน ก็ปล่อยให้พี่นั่งดื่มต่อกับเพื่อนของเขาที่ไม่ได้เจอกันนาน
นกตื่นมาตอนตี 4 เพราะแม่ปลุกให้มาช่วยทำขนมและทำกับข้าวใส่บาตรพระ พอตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่ชายกับเพื่อนเขานอนฟุบอยู่ตรงม้านั่ง นกก็ปล่อยเอาไว้ แต่สักพัก โทรศัพท์ของเพื่อนพี่ก็ดังขึ้น เหมือนปลายสายจะแจ้งให้เพื่อนของพี่รีบกลับ เพราะที่บ้านของเขามีคนประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นเพื่อนของพี่ไปมีเมียอยู่ที่พิจิตร ก็ห่างออกไปไม่มากเท่าไรนัก แต่ติดตรงที่ว่า บ้านของเพื่อนพี่เอารถเขาไปยังไม่กลับ เพื่อนของพี่ก็เลยขอให้พี่เราไปส่ง
ตอนนั้นแม่ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะต่างคนต่างเมาอยู่ไม่อยากให้ขับรถไปไกลๆ อีกอย่าง พี่เราเวลาเมาจะชอบใจนักเลงและขับรถเร็ว แต่เพื่อนพี่กับพี่ก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายเราเองก็อยากไปส่งเพื่อน ตอนนั้น พี่สะใภ้เราก็มาห้ามไม่ให้พี่ไป แต่พี่ไม่ยอม และดูเหมือนพี่เขาจะเถียงกันนิดหน่อยด้วย พี่สะใภ้โกรธมาก ร้องไห้วิ่งไปที่หลังบ้าน สุดท้ายพี่ชายเราก็คว้ากุญแจรถ พาเพื่อนเขาไปส่งบ้านเมียเขาที่พิจิตร
ประมาณ 7 โมงเช้า หลังจากนกทำอะไรทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นพี่สะใภ้ ยืนชะโงกรอคอยอะไรอยู่ นกเลยเดินไปถาม พี่สะใภ้บอกว่า รู้สึกใจหวิวๆอย่างบอกไม่ถูกมาตั้งแต่พี่เราขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้รู้สึกใจคอไม่ดีเลย แม่พอได้ยินพี่สะใภ้พูดแบบนั้นก็เข้ามาบอกด้วยว่า แม่เองก็รู้สึกใจคอไม่ดีเช่นกัน แต่คงไม่มีอะไรหรอก หลังจากนั้นก็ก็ปลอบพี่สะใภ้แล้วบอกว่า เดี๋ยวไปล้างหน้าล้างตาหน่อยก็น่าจะดีขึ้น
พี่สะใภ้เราหลังจากไปล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ก็เอาโทรศัพท์มาโทรหาพี่แล้วรออยู่หน้าบ้าน พอดีหลานตัวน้อยยังไม่ตื่นและพ่อเราก็นอนเฝ้าหลานอยู่ พี่สะใภ้โทรไป 2 สายไม่ติด พี่เขาก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข จริงๆนกก็เข้าใจนะ พี่เขาคงจะเป็นห่วงพี่ชายนกมากแน่ๆ นกก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนๆและค่อยๆปลอบว่าเดี่ยวพี่ก็กลับ
หลังจากนั้นพี่สะใภ้ก็โทรอีก คราวนี้พี่ชายเรารับแล้วบอกว่ากำลังรีบขับรถกลับอยู่ เหมือนพี่เขานัดกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเอาไว้ว่าจะไปเซอร์ไพรส์ครูหรืออะไรสักอย่างหนึ่งนี่แหละเพราะพี่บอกว่าตอนเย็นต้องพาครอบครัวกลับแล้ว พี่สะใภ้ก็บอกว่าใจเย็นๆ สักพัก เราก็ได้ยินพี่สะใภ้เรียกชื่อพี่ชายเรา เรียกเสียงดังมาก จากนั้นก็น้ำตาเริ่มคลอและเรียกชื่อพี่ตลอด แม่ได้ยินก็รีบวิ่งมาหา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่สะใภ้ก็บอกแม่ว่า กำลังคุยโทรศัพท์กับพี่เราอยู่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงโครมดังมาก และเสียงพี่เราร้องและสายก็ตัดไป ตอนนั้นทุกคนใจสั่น เริ่มอยู่กันไม่ติดพยายามโทรหาเพื่อนพี่ชาย และคนอื่นๆที่ติดต่อได้
หลังจากนั้นประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็มีตำรวจโทรมาที่เบอร์ของพี่สะใภ้ แจ้งว่า พี่ชายของเรา รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ และไฟลุกท่วม และตำรวจก็แจ้งว่าพี่ชายเราเสียชีวิตแล้ว พวกเราทั้งหมดตกใจกันมาก และรีบพากันไปดูตอนนั้นร่างของพี่อยู่ที่ตรงพยาบาลในสภาพดำเพราะถูกไฟไหม้ แม่กับพี่สะใภ้ร้องไห้จนเป็นลมไป ส่วนนกเองก็เสียใจมากๆ ไม่คิดเลยว่า วันสงกรานต์อันแสนสุขของพวกเราจะมีได้แค่วันเดียวเท่านั้น