สิ่งของหลายๆสิ่งที่เคยมีเจ้าของ เราไม่รู้เลยว่า เจ้าของเก่านั้นเขารักและผูกพันกับสิ่งของเหล่านั้นมากแค่ไหน และการที่เราซื้อหรือไปใช้ของเหล่านั้น ก็อาจจะทำให้เราต้องเจอกับเรื่องราวที่น่าขนลุกได้ ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คุณโจเข้ามาแชร์ประสบการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่ชายและหลานๆของเขา เรื่องมีอยู่ว่า
ในปี 1998 คุณโจได้เดินทางไปจอเจียเพื่อทำงานเป็นผู้จัดการที่ร้านขายรถยนต์ซึ่งเป็นร้านของลูกพี่ลูกน้องของเขา หลังจากนั้นไม่นาน พี่ชายของคุณโจก็ตามคุณโจไปทำงานด้วยกัน พี่ชายของคุณโจเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวมีลูกชายวัย 8 ขวบ และลูกสาววัย 4 ขวบ 3พ่อลูกได้ไปเช่าบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆอยู่ด้วยกัน ไม่ห่างจากบ้านพักของคุณโจมากนัก โดยบ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายปี 1800
คุณโจเล่าว่าวันที่เขาได้ไปช่วยพี่ชายของเขาย้ายของเข้าบ้านหลังนั้น ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน เขารู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย ทั้งๆที่ภายนอกนั้นร้อนอบอ้าว ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
สักครู่ต่อมาตอนที่กำลังขนของเข้าไปไว้ในห้องนอน คุณโจก็ได้ยินเสียงกระซิบ เป็นเสียงกระซิบเหมือนคนสองคนกำลังเถียงอะไรบางอย่างอยู่แถวๆเพดานด้านบน
เขาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้อง และถามพี่ชายเขาว่ารู้สึกถึงอะไรแปลกๆในบ้านหลังนี้ไหม ฝ่ายพี่ชายก็รู้สึกกลัวๆเหมือนกัน แต่หลังจากที่เขาได้สวดมนต์เขาก็บอกกับคุณโจว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร คุณโจรู้สักไม่ค่อยสบายใจแต่ก็เคารพในการตัดสินใจของพี่ชาย หลังจากช่วยพี่ชายนขนของเสร็จโจก็รีบลาหลานตัวน้อยๆและกลับบ้านไป
อาทิตย์ต่อมาคุณโจก็ได้รับรู้ว่ามีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น เมื่อหลานชายวัย 8 ขวบของเขากำลังอาบน้ำ หลังจากอาบไปได้แปปเดียวหลานชายตัวน้อยก็วิ่งร้องไห้เสียงดังออกไปจากห้องน้ำ ซึ่งคุณโจเล่าว่ากว่าเขาและพี่ชายจะปลอบให้เด็กน้อยสงบลงต้องใช้เวลาถึง 2 วันและเด็กน้อยก็ไม่ยอมอาบน้ำคนเดียวอีกเลย
และคืนหนึ่งหลังจากทำงานเหนื่อยๆกลับมาพี่ชายของคุณโจก็ผล็อยหลับไปบนโซฟา แต่หลับไปไม่นานก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา และเห็นชายชราและหญิงชรานั่งอยู่ขนาบข้างเขาและกำลังเถียงกันอยู่ว่า จะยอมให้พี่ชายและครอบครัวอยู่ในบ้านนี้หรือไม่
ยังไม่หมดแค่นั้น สายวันหนึ่งพี่ชายของคุณโจได้ออกมาซื้อกับข้าวที่หน้าปากซอยและทิ้งลูกทั้งสองของเขาเอาไว้ในบ้านและปิดประตูบ้านไว้ จากนั้นไม่นานคุณโจก็ได้ยินพี่ชายวิ่งอย่างหอบมาขอยืมรถเพื่อไปรับลูกสาววัย 4 ขวบของเขา ซึ่งมีคนมาบอกว่าเห็นเธอเดินแถวๆถนนซึ่งห่างไปอีก 2 บล็อกตามลำพังโดยยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ระหว่างทางที่ขับรถไป พี่ชายของคุณโจก็รู้สึกแปลกใจมากเพราะปกติแล้วเวลาที่เขาออกไปซื้อกับข้าว เขาก็มักจะปิดประตูและให้ลูกทั้งสองรอในบ้านเสมอ ซึ่งลูกสาวตัวน้อยหรือพี่ชายวัย 8 ขวบของเธอก็ไม่น่าจะเปิดประตูออกมาเองได้ เพราะประตูมันค่อนข้างหนักเกินกว่าแรงของเด็กจะเปิดเองไหว และพอพี่ชายของโจไปถึงก็รีบไปหาลูกสาวและถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ลูกสาวก็บอกผู้เป็นพ่อว่า เธอแค่ไปเดินเล่นกับคุณยายเท่านั้น
พี่ชายของโจ “คุณยายที่ไหน”
ลูกสาว “คุณยายที่อยู่บ้านเดียวกับเราไงคะ คุณยายอยากไปเดินเล่น เราก็เลยไปเดินเล่นด้วยกัน”
พี่ชายของโจ “แล้วพี่ล่ะลูกทำไมหนูไม่ชวนพี่มาด้วย ทำไมมาคนเดียว”
ลูกสาว “พี่เขาจะเล่นกับคุณตาค่ะ หนูชวนแล้วแต่เขาไม่มา”
พ่อ “คุณตา คุณตาที่ไหนอีกคะ”
ผู้เป็นพ่อถามอย่างงุนงง ใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก็กลั้นใจถามต่อ
พ่อ “แล้วลูกเปิดประตูบ้านยังไงเหรอลูก ประตูมันหนักหนูไม่น่าจะเปิดเองได้”
ลูกสาว “ก็คุณยายเปิดให้ไงคะ พอเปิดประตูออกมาก็ลูบหัวสุนัขหน้าบ้านเรานิดหน่อย แล้วก็พาหนูออกมาเดินเล่น”
เด็กน้อยวัย 4 ขวบเกล่าออกมาอย่างจริงใจ และพี่ชายของโจเองก็คิดว่าเธอยังเด็กมากไม่น่าจะรู้จักการโกหก
หลังจากนั้นไม่นานพี่ชายของโจก็ย้ายออกจากบ้านหลังนั้นไปและไม่กลับมาอีกเลย ฝ่ายโจเองก็ยังคงขับรถผ่านหน้าบ้านหลังนั้นเกือบทุกวัน เพราะเป็นทางผ่าน แต่ทุกครั้งที่เขาขับผ่านก็อดใจนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ พร้อมนึกในใจ มันก็ดูเป็นบ้านธรรมดาๆ ที่พอรับได้ยกเว้นสิ่งที่อยู่ข้างใน