เคยได้ยินเรื่องผีพรายกันบ้างไหมคะ ว่ากันว่าผีพรายจะอยู่ในน้ำ หลายคนจึงเรียกว่า ผีน้ำ บางครั้งก็จะปรากฏตัวให้คนเห็นเป็นลักษณะดวงไฟสีเขียวที่ลอยอยู่ในน้ำ และเชื่อกันว่าหากลงเล่นน้ำหลัง 6 โมงเย็นก็อาจจะโดนผีพรายลากลงไปในน้ำและตายได้ ซึ่งเรื่องผีพรายที่เราจะเล่าให้ฟังกันในวันนี้ ก็เป็นเรื่องเล่าของคุณอ่ำ ที่เคยเจอเหตุการณ์หลอนๆด้วยตัวเองหลายครั้ง เพราะบ้านอยู่ติดกับริมน้ำ เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อประมาณ 20ปีที่แล้ว ผมยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งอาศัยอยู่กับย่าเราสองคนเช่าบ้านอยู่ที่ริมคลองชักพระ ซึ่งเป็นคลองที่ต่อกันกับ คลองบางกอกน้อย
สมัยนั้นผู้คนย่านนั้นยังอาบน้ำในคลองได้อยู่เพราะน้ำสะอาดมาก และพอถึงตอนเย็นเด็กๆอย่างพวกผมก็มักรวมกลุ่มกันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แต่….พอถึงฤดูน้ำหลาก(หน้าหนาว)น้ำในคลองจะเปลี่ยนเป็น “สีแดง” และไหลเร็วมาก
คุณย่าก็จะห้ามไม่ให้เล่นน้ำโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแลเด็ดขาด (ซึ่งปกติไม่ห้าม) ตอนนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจ และพยายามถามถึงเหตุผลหลายต่อหลายครั้ง แต่คุณย่าท่านก็ไม่ยอมบอกจนกระทั่ง คืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนเดือนหงาย ผมออกมานั่งดูคุณอาข้างบ้านตกปลาที่ท่าน้ำจนดึก ตอนที่นั่งดูอยู่สักพัก คุณอาได้รีบเก็บเบ็ดที่อยู่ในน้ำพร้อมทั้งกระเถิบตัวออกห่างจากริมน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ให้ผมดูสิ่งหนึ่งในน้ำ
สิ่งนั้นมันมีลักษณะเป็นเงาเรืองแสงสีเขียวอยู่ใต้น้ำ (เหมือนฟอสฟอรัสในทะเล)ลอยทวนน้ำขึ้นไปอย่างช้าๆ ผมไม่รู้จักจึงถามคุณอาว่ามันคืออะไร
และคำตอบที่ได้จากคุณอาก็คือ “ผีพราย” ตอนนั้นผมไม่กลัวหรอกครับแค่เงาเรืองแสง แถมยังคิดว่าคุณอาหลอกให้เข้านอนมากกว่าเพราะดึกมากแล้ว ผมจึงเข้าบ้านไปนอนแล้วก็ลืมเรื่องผีพรายเสียสนิท
3 ปีถัดมาผมเริ่มโตขึ้น เรื่อง”ผีพราย”ก็กลับมาอีกครั้งเมื่อญาติรุ่นพี่ของผมมาบอกกับผมว่า เพื่อนผมคนหนึ่งจมน้ำตาย ผมตกใจมาก เพราะเท่าที่ผมรู้มาเพื่อนผมคนนี้ว่ายน้ำเก่งมาก และวันที่ตายน้ำในคลองไม่แรงมากเท่าไหร่ แล้วเพื่อนผมตายเพราะอะไรกันแน่ จากนั้นผมก็ได้ยินพี่ชายผมบอกว่า
“ผีพรายดึง ซึ่งพี่ชายผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยในตอนนั้น พี่บอกว่าเพื่อนมันลงน้ำไปไม่ถึง 5 นาที มันก็ดำน้ำเล่นแล้วหายไปเลย” คำตอบของพี่ผมยังไม่เชื่อสนิทใจนัก เพราะคิดว่าอาจจะมีอย่างอื่นที่ผมไม่รู้อีก เช่นอุบัติเหตุหรืออะไรต่างๆ
ผมเก็บความข้องใจนี้ไว้นาน 3 เดือนเรื่องทั้งหมดก็กระจ่างขึ้น ในตอนกลางวันของวันหนึ่ง มีเสียงเด็กผู้หญิงร้องดังมาจากที่ใต้สะพานฝั่งตรงข้ามเยื้องกับบ้านผม (บ้านผมติดสะพาน)
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนจรจัด เสียงร้องนั้นดังมาก คล้ายกับร้องด้วยความตกใจสุดขีด ผมจึงรีบวิ่งข้ามไปดู ก็พบเรื่องอัศจรรย์มากคือ ร่างกายท่อนล่างเด็กคนที่ร้องนั้นจมอยู่ในน้ำ ส่วนท่อนบนอยู่เหนือน้ำโดยมีผู้ชายวัยกลางคน 3 คนดึงอยู่ ที่ผมว่าอัศจรรย์ก็คือ ชาย 3 คนนั้นเหมือนเล่นชักเย่ออยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็นใต้น้ำ โดยมี เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เป็นเชือก ผู้ชาย 2 คนฉุดแขน อีกคนที่เหลือโอบเอวดึงโดยที่ออกแรงกันเต็มที่ แต่ร่างเด็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นจากน้ำสักที
เด็กก็ร้องดังขึ้นๆเรื่อยๆ เพราะเจ็บจากแรงดึงของทั้ง 2 ฝ่าย ผ่านไปนานพอสมควรฝ่ายข้างบนทั้ง3คนเริ่มหมดแรงร่างของเด็กจมน้ำลงไปจนเกือบถึงคอแล้ว ทันใดนั้นพ่อของเด็กที่มีคนวิ่งไปตามก็มาถึงแล้วก็มาช่วยอีก 3 คนก่อนหน้านี้ เมื่อฝ่ายข้างบนมีคนช่วยดึงเพิ่มอีก 1 คน ร่างของเด็กผู้หญิงก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ทุกคนต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น เนื่องจากที่ข้อเท้าของเด็กมีสิ่งหนึ่งติดตามขึ้นมาด้วย มันคือ มือพร้อมด้วยแขนอันยาวเหยียด ซึ่งมีสีเขียวเหมือนตะไคร่เกาะข้างหนึ่ง มือนั้นเกาะขาน้องเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย
ชายคนหนึ่งซึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อนก็คว้าไม้ได้ท่อนหนึ่งแล้วรีบตีไปที่มือนั้นทันที… ซึ่งได้ผลมันปล่อย แล้วมือกับแขนข้างนั้นก็หายไปในน้ำอย่ารวดเร็ว
ส่วนเด็กนั้นยังไม่ยอมหยุดร้องเพราะทั้งกลัวและตกใจ จนหลายคนต้องปลอบกันอยู่นานกว่าจะหยุด ที่ข้อเท้าของแกก็เป็นรอยช้ำจนเขียว
สรุปว่าสิ่งที่จับน้องคนนั้นและมือที่ติดขึ้นมาด้วยก็คือผีพรายครับ คนที่อยู่ริมน้ำเขาบอกว่ามันจะมาเอาเด็กไปเป็นผีพรายแทนมันครับ โดยในคลองนั้นจะมีเด็กจมน้ำตายทุกปีครับ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ น้ำมันเน่าไม่มีเด็กที่ไหนกล้าเล่นน้ำแล้ว