เชื่อไหมคะ ว่าโรงแรมทุกที่แทบจะมีผีด้วยกันทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอหรือไม่เจอเท่านั้นเอง ถ้าไม่เจอก็คงจะโชคดีไป แต่ใครที่เจอก็คงแทบพูดไม่ออก โดยเรื่องที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ ก็เป็นเรื่องราวของสมาชิกพันทิปคนหนึ่งที่ได้แชร์ประสบการณ์หลอนๆของตัวเองและครอบครัว ที่มีโอกาสได้เข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางนา เรื่องจะหลอนขนหัวลุกขนาดไหน ไปรับฟังพร้อมๆกันเลยค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า แม่และทางสำนักงานต้องไปจัดบูธและเข้าประชุมในกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 6-21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ที่ BITEC บางนา
ทางสำนักงานของแม่ถูกจัดให้เข้าร่วมงานวันที่ 13 สิงหาคม พวกเราเลยเลือกเดินทางกันเช้า 12 สิงหาคม ประมาณสิบโมงเช้า เรากับน้องสาวก็ติดสอยห้อยตามแม่ไป เพราะแม่อยากให้ไปเป็นเพื่อน
ตลอดระยะเวลา 12 ชั่วโมงบนรถตู้จากขอนแก่นถึงกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก ขาเข้ากรุงเทพฯ รถติดแหงก จราจรเป็นอัมพาต เพราะคนเดินทางกลับจากต่างจังหวัดในช่วงนั้นพอดีค่ะ
โรงแรมที่อ่านรีวิวแล้วได้รับคะแนนรีวิวดี ๆ หลายดาวที่จองไว้ก็มี แต่ก็ป่วยการ เพราะพวกเราเดินทางมาถึงบางนาก็ประมาณสี่ทุ่มเกือบห้าทุ่ม แถมฝนก็ตกหนัก ทำให้ระบายน้ำไม่ทันและถนนน้ำท่วม จึงมองไม่เห็นทาง การที่เราจะไปโรงแรมที่จองไว้ก็ไม่ได้ เพราะฝนตกหนักมากและค่อนข้างอันตรายด้วยค่ะ เราทั้งหมดก็เลยตัดสินใจว่าจะหาโรงแรมแถวไบเทคนอนเลยละกัน ตื่นเช้ามาจะได้เดินทางง่าย ๆ รถไม่ติดเท่าไหร่
ซึ่งในกลุ่มที่เดินทางไปด้วยกันก็จะมีสมาชิกไปกันหกคนมีเรา น้องสาว แม่ ลุงที่ทำงานแม่ น้าที่ทำงานแม่ และพี่คนขับรถ หลังตัดสินใจว่าจะหาโรงแรมแถวๆไบเทคนอนกัน จึงขับรถวนหา แต่หาโรงแรมแล้วโรงแรมเล่า ก็ไม่มีโรงแรมไหนที่ว่างเลย และสุดท้าย…พวกเราก็เจอโรงแรมเจ้าปัญหาซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องที่จะเล่าในวันนี้
เมื่อพี่คนขับรถเลี้ยวเข้าไปโรงแรมนั้น เรารู้สึกได้ถึงความวังเวงแปลกๆ มันมีความรู้สึกเยือกเย็นปนน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แม่กับน้าเดินไปสอบถามกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์โรงแรม ว่ามีห้องพักว่างไหม คำตอบคือ…มีว่างอยู่2 ห้อง ด้วยความที่ดึกมาก เดินทางก็ลำบาก หาโรงแรมก็ยาก มีอยู่ห้องหนึ่งก็ยังดี เราทั้งหมดเลยตัดสินใจว่าจะเข้าพัก ดังนั้นเราเลยจัดแจงยกกระเป๋าลงมาและให้พี่คนขับรถเอารถไปจอดให้เรียบร้อย เราเปิดทั้งสองห้อง โดยห้องเป็นเตียงคิงไซส์หนึ่งเตียง และเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียง ลุงที่ทำงานของแม่พักกับพี่คนขับรถเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และอีกห้องก็มีเรา แม่ น้องสาว และน้า
คือตั้งแต่ทางเดินเข้าไปที่ห้องพัก เรารู้สึกว่าโคตรสกปรก และดูแบบร้างมากค่ะ จนประสบการณ์หนังผีที่เคยดูมาเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในหัว แต่โชคดีที่เราเป็นคนไม่กลัวผีเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไร ขอแค่เวลานี้มีที่ให้นอนก็พอ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วและก็ออกกันไปแล้ว เราคิดแค่นั้น
พนักงานโรงแรมก็พาพวกเราเดินไปที่ห้องพักค่ะ ลองนึกภาพตามนะคะ ตัวโรงแรมเป็นกรอบสี่เหลี่ยม ห้องพักจะติดกรอบ แต่มีที่ว่างตรงกลาง แล้วไม่มีหลังคา ฝนตกพรำ ๆ เม็ดฝนกระเด็นติดประตูห้อง หน้าห้องก็จะมีพวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยอย่าง ไส้เดือนไต่เต็มพื้น และเหมือนว่ามันกำลังจะไต่ลอดประตูห้องเข้าไปข้างในอีกด้วย
ตอนที่กำลังเปิดประตูห้อง พนักงานโรงแรมคนนั้นก็เอาเท้าเหยียบไส้เดือน แล้วเตะทิ้งไปเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เรากลับค่อนข้างขยะแขยง พวกเราเลยรีบเข้าไปในห้องและปิดประตูลงกลอน เพราะรู้สึกไม่ค่อยดี บรรยากาศนอกจากจะวังเวงแล้ว พนักงานยังซาดิสม์เหยียบไส้เดือนอีก
ตัดมาที่ตอนเปิดประตูเข้าห้อง เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป บอกเลยห้องอับมาก ด้วยความที่เรามาถึงดึก ต่างคนต่างก็ง่วงนอน แต่ก็อยากอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดจะได้นอนสบาย ๆ เรากับน้องถูกเนรเทศให้ไปนอนเตียงเดี่ยว ส่วนแม่กับน้าสาวนอนเตียงใหญ่ค่ะ
ด้วยความที่แปลกที่แปลกทางเราเลยลองสำรวจห้องนิดนึง ดูเตียง สะบัดผ้าห่ม เปิดตู้เสื้อผ้า และที่สุดท้ายที่เข้าไปดูคือ…ห้องน้ำ
แต่สภาพของห้องน้ำ เดินเข้าไปแล้วแทบจะบ้าตายเลยค่ะ ไม้ที่กั้นห้องก็ขาด มีรอยปลวกกัด ส่วนสายไฟอะไรไม่รู้ระโยงระยางบนเพดานเหมือนเป็นใยแมงมุมยักษ์ มีเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่ทางซ้ายมือ แต่ เราไม่กล้าใช้เพราะกลัวไฟรั่ว ก็จากสภาพของสิ่งรอบๆที่เราเจอ เราค่อนข้างไม่ไว้วางใจในเรื่องของความปลอดภัยเท่าไรค่ะ
และจากการที่ได้เห็นสภาพห้องน้ำ เราเลยตัดสินใจไม่อาบน้ำก่อนนอน แค่ล้างหน้าแปรงฟันเฉย ๆ และแล้วเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จทุกคนก็เข้านอน
เวลาผ่านไปจนกลางดึกสงัด เราได้ยินเสียงเหมือนคนบิดลูกบิดประตูดังขึ้น ก๊อกแก๊ก…ก๊อกแก๊ก… ไอ้เราก็สะลึมสะลือคิดในใจแบบใครวะ มาบิดลูกบิดก๊อกแก๊ก ๆ คนจะหลับจะนอน ตอนแรกนึกว่าแม่หรือไม่ก็น้าที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่พอเงยหน้ามองก็เห็นทั้งสองนอนอยู่เตียงข้าง ๆ
ปกติเราเป็นคนชอบนอนคว่ำค่ะ เราเลยเงยหน้าหันมองไปทางประตูห้องน้ำ จังหวะนั้น เราเห็นเป็นผู้หญิงผมสั้น ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นแต่สีอะไรไม่รู้ค่ะ มันมืดมาก แต่ด้วยสายตาที่ชินกับความมืดเลยพอเห็นว่าแต่งตัวยังไง ร่างนั้นกำลังบิดลูกบิดประตูห้องน้ำเสียงดังแก๊ก ๆ อยู่อย่างนั้น แล้วเธอก็บิดสำเร็จ และเดินเข้าห้องน้ำไป พร้อมปิดประตูดัง แกร๊ก!
ด้วยความที่เราสะลึมสะลืม เลยไม่ได้ตกใจหรือสนใจอะไร คือตอนนั้นง่วงมากและเพลียจากการเดินทางด้วย เราเลยตัดสินใจพลิกตัวมาอีกทางซึ่งจะเป็นการนอนหงาย แต่พอพลิกตัวกลับมาก็มีเรื่องให้ตกใจอีกรอบ คือเมื่อมีผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดกระโปรง นั่งก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงเรา! ตอนนั้นเราไม่ทันได้คิดอะไรมากเพราะง่วงและเพลียอย่างสุดๆ ทำให้เราไม่สนใจ อะไรเลย และเอนตัวลงนอนต่อยันเช้า
รุ่งเช้าเราก็ตื่นก่อนใครเพื่อน ไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดแล้วมาปลุกน้องสาว แม่และน้า เมื่อทุกคนตื่นนอนกันหมดแล้ว น้าก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่น้าเจอะเจอเมื่อคืนให้ทุกคนในห้องฟังกัน น้าเล่าว่า เมื่อคืนตอนดึก ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวเหมือนใครไม่รู้มากดหัวไว้ น้าเลยลืมตาขึ้น แล้วเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกดหัวแกอยู่ แกช็อกมาก เลยรีบคว้าพระที่วางไว้บนหัวนอนที่น้านำติดตัวมาด้วยมาใส่แล้วหลับตาสวดมนต์ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หายไป
น้ากลัวมากจนหลับไปเองด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ไอ้เราก็นั่งฟัง แล้วก็เล่าเรื่องราวที่เราเจอเมื่อคืนให้น้าฟัง ทุกคนขนลุก แม่ก็บอกเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนมีใครมาเดินอยู่รอบห้องทั้งคืนเลย เราเลยบอกทุกคนว่า
“อย่าไปกลัวเลย…เขาแค่มาขอส่วนบุญ เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะมาทำอะไรเราหรอก”
พูดจบเราเลยนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขา และเมื่อทุกคนทำภารกิจของตัวเองเสร็จสิ้น พวกเราก็รีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมอันน่าสะพรึงกลัวนี้ให้เร็วที่สุดทันทีและแปะป้ายเอาไว้ในใจด้วยว่า จะไม่กลับมาพักที่โรงแรมนี้อย่างเด็ดขาด