เพื่อนๆ Tell Ghost ของเราเคยมีใครย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วได้เจอกับเรื่องราวแปลกๆกันบ้างไหมคะ ว่ากันว่า บ้านแต่ละหลังมักจะมีประวัติที่แตกต่างกัน ยิ่งบ้านเก่าๆที่ถูกสร้างมานานแล้วเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เคยเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีในบ้านหลังนั้นหรือเปล่า ดังเรื่องราวที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของคุณอุ๋ย โดยคุณพ่อของคุณอุ๋ยเคยรับราชการเป็นปลัดอาวุโสของอำเภอแห่งหนึ่งในตัวเมือง ในช่วงที่รับราชการอยู่ คุณพ่อของคุณอุ๋ยก็มีอีกอาชีพหนึ่งคือ เป็นพ่อค้าที่ดิน และบ้านของคุณอุ๋ยก็ได้ร่ำรวยขึ้นจากการค้าที่ดินของคุณพ่อ และวันหนึ่งพ่อของคุณอุ๋ยก็ไปเจอกับ บ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่าครึ่งไร่ คุณพ่อถูกใจบ้านและที่ดินตรงนี้มาก ตัวบ้านจะเป็นบ้านทรงไทยในสมัยเก่า แต่เหมือนได้รับการดูแลอย่างดี ยังคงดูแข็งแรงและสะอาดสะอ้าน ด้านหน้าบ้านจะมีศาลาท่าน้ำไว้นั่งเล่น มีลมเย็นๆพัดผ่าน รอบๆบริเวณบ้านก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่เจ้าของเดิมปลูกเอาไว้
ด้วยความชอบมากๆนี้คุณพ่อของคุณอุ๋ย จึงพาป้าเอมผู้เป็นเมียและพาคุณอุ๋ยมาดูบ้านหลังนี้ด้วยกัน วินาทีแรกที่เข้ามาบ้านหลังนี้ ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก ต่างรู้สึกพอใจบ้านทรงไทยหลังนี้อย่างบอกไม่ถูก
และด้วยความที่ทุกคนในบ้านชื่นชอบเหมือนกันหมด คุณพ่อจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้ และกะจะเอาไว้อยู่อาศัยยามเกษียณราชการแล้ว พ่อของคุณอุ๋ยได้ซื้อบ้านหลังนี้หลังแกเกษียณประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากทำเรื่องการซื้อขายและสัญญาต่างๆเสร็จเรียบร้อยครอบครัวของคุณอุ๋ยก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านทรงไทยหลังนี้
คืนแรกของการนอนค้างที่บ้านทรงไทยเก่าที่ปลูกมานานกว่า 50ปี ทุกคนในบ้านต่างก็นอนหลับสบายเป็นปกติดี ตราบจนถึงคืนวันพระ หลังจากนั้นอีกสามวัน
คุณอุ๋ยก็ได้สัมผัสกับเรื่องราวแปลกๆ โดยคุณอุ๋ยเล่าว่า คืนนั้นเธอได้เข้านอนตามปกติและก็ผล็อยหลับสนิทไปเพราะอากาศเย็นสบาย โล่ง และปลอดโปร่ง มารู้สึกตัวอีกทีก็ประมาณตี 2เศษ คุณอุ๋ยได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังมาจากห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน เสียงนั้นดังชัดเจน พอเงี่ยหูฟังอีกไม่นานก็ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งปนแทรกขึ้นมากับเสียงร้องไห้นั้น มันเป็นเหมือนเสียงลากเหล็กหรือเสียงลากของโซ่อันใหญ่ๆกับพื้น
คุณอุ๋ยก็แปลกใจมากว่าเสียงดังนี้มาจากไหนเพราะในบ้านนี้ก็มีแต่ แม่ พ่อ และตัวเธอเท่านั้น จากนั้นก็มีเสียงหมาหอนเกรียวกราว หมาหลายๆตัวในระแวกนั้นต่างพากันหอนเสียงโหยหวนรับกันเป็นทอดๆ สร้างความหวาดกลัวให้กับคุณอุ๋ยไม่น้อย
คุณอุ๋ยพยายามข่มตาหลับ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะได้ยินเสียงหมาหอน เสียงผู้หญิงร้องไห้ และเสียงลากโซ่ดังขึ้นเรื่อยๆ นาทีนั้นคุณอุ๋ยก็คิดเรื่องผี!!!ขึ้นมาทันที จริงๆคุณอุ๋ยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผี เพราะไม่เคยเจอกับตัว เวลาได้ฟังคนอื่นเล่าก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร อาจเป็นเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ไม่เคยพูดหรือเล่าเรื่องผีๆให้เธอฟังและไม่เคยหลอกผีเธอในสมัยเด็กๆด้วย
แต่คราวนี้คุณอุ๋ยรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก และเสียงที่ได้ยินเหล่านั้นก็ยังคงดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าจะจะหยุด หรือหายไป สักพัก เสียงร้องไห้นั้นก็ร้องออกมาว่า
” ช่วยด้วยยย…ช่วยฉันที”
” ช่วยปลดปล่อยฉันให้เป็นอิสระทีโอ๊ย..ทรมานเหลือเกิน”
จากนั้นก็มีเสียงลากโซ่หรือเหล็กไปมากับพื้น เสียงพูดนั้นปนเสียงสะอื้นและเสียงโซ่ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันก็ทำให้คุณอุ๋ยกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ คุณอุ๋ยรวบรวมความกล้าแล้วเดินลงมาตามเสียงที่ได้ยิน จนมาหยุดที่ห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน ซึ่งคุณอุ๋ยก็ยืนฟังจนแน่ใจแล้วว่าห้องนี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดเสียงประหลาดที่เธอได้ยิน
จากนั้นคุณอุ๋ยก็กลั้นลมหายใจและค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ถึงแม้ข้างในนั้นจะมืดและอับ แต่แสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาก็ทำให้สายตาของคุณอุ๋ยพบกับภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด เมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดไทยโบราณนั่งอยู่กึ่งกลางของห้องเก็บของ ในสภาพนั่งพิงเสาอย่างหมดแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังเป็นริ้วๆ คล้ายกับถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง และข้อเท้าทั้งสองข้างของเธอก็ถูกโซ่ตรวนขนาดใหญ่คล้องอยู่ที่เสากลางบ้าน….
” ช่วยด้วย…ช่วยฉันที ปล่อยฉันออกจากโซ่นี้ที ฉันอยากเป็นอิสระ”
หญิงคนนั้นพูดพร้อมทำท่าทางอ้อนวอน
คุณอุ๋ยได้เห็นภาพอย่างเต็มตาก็ยืนตัวแข็งทื่อไม่นานนักสติของเธอก็ดับวูบไป
พอรุ่งเช้าพ่อกับแม่ของคุณอุ๋ยที่เดินลงมาเห็นลูกสาวกำลังนอนอยู่ที่หน้าห้องเก็บของก็แปลกใจและพากันเดินมาปลุกลูกสาว พอลืมตาขึ้นและเห็นหน้าพ่อแม่สติก็กลับคืนมา คุณอุ๋ยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ของเธอฟัง
แล้วทุกคนก็มองไปยังเสาต้นใหญ่ต้นนั้นที่คุณอุ๋ยบอกว่ามีหญิงสาวถูกโซ่คล้องไว้ ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกต่างก็รู้สึกขนลุก เมื่อพบว่าตรงโคนเสาถูกคล้องด้วยโซ่เก่าๆ เกรอะไปด้วยสนิม แต่ไม่เห็นผู้หญิง เห็นเพียงแค่เศษดินและเศษของเสื้อผ้าที่เหมือนโดนแมลงกัดแทะมาเป็นเวลานาน
” พ่อว่าเราไปขอให้ท่านพระครูที่วัดมาทำการปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกจองจำดีกว่า”
หลังจากนั้นพ่อของคุณอุ๋ยก็ได้นิมนต์พระใกล้บ้านมาทำพิธี พร้อมถอดโซ่เส้นนั้นออกจากเสาจากนั้นมาก็ไม่มีใครได้ยิน หรือเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่บ้านทรงไทยหลังนั้นอีกเลย ตัวคุณอุ๋ยเองจะว่ากลัวก็กลัวอยู่ แต่เธอคิดว่า สิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่มาหลอกหลอน แต่มาขอความช่วยเหลือมากกว่า พอเธอได้รับการปลดปล่อยวิญญาณตนนั้นก็หายไป และทุกวันนี้ครอบครัวของคุณอุ๋ยก็ยังคงทำบุญให้กับวิญญาณสาวโซ่ตรวนนั้นในทุกๆวันพระ